กล้องวงจรปิด Hikvision

พาไปดูเทคโนโลยีน่าใช้ใน กล้องวงจรปิด Hikvision ดีอย่างไร ทำไมถึงเป็นที่นิยม?

หากพูดถึง กล้องวงจรปิด Hikvision คงเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง เพราะเป็นแบรนด์ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดชั้นนำของโลกที่มุ่งไปที่เทคโนโลยีและการพัฒนา โดยมีทีมงานวิศวกรวิจัยพัฒนาการผลิตภัณฑ์กว่า 7,000 คน จนทำให้เป็นแบรนด์กล้องวงจรปิดที่มีความล้ำสมัยด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่นำมาปรับใช้ได้อย่างลงตัว ไฮวิชั่น ก่อตั้งขึ้นในปี 2001 โดยใช้ชื่อว่า Hangzhou Hikvision Digital Technology Co., Ltd. เป็นแบรนด์ที่โด่งดังไปทั่วโลกและบริษัทชั้นนำต่างก็นิยมเลือกใช้ ส่วนจะดีอย่างไรและมีเทคโนโลยีอะไรที่น่าสนใจบ้าง ไปดูเลย

ประเภทของ กล้องวงจรปิด

· กล้องวงจรปิดสำหรับติดตั้งภายในอาคาร ส่วนมากแล้ว กล้องวงจรปิด สำหรับติดตั้งภายในอาคารจะออกแบบมาเป็นลักษณะของครึ่งวงกลมหรือเรียกว่า กล้องโดม เพื่อความสวยงามและไม่เป็นที่สะดุดมากจนเกินไป เพราะภายในอาคารเป็นบริเวณที่มีคนอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะ หากเลือกใช้ทรงยาวจะทำให้ดูเป็นที่น่าจับตามองมากจนเกินไป อีกทั้งยังทำให้ผู้คนเกิดความหวาดระแวงด้วย ข้อดีของกล้องโดมคือ สามารถหมุนได้ 360 องศา ช่วยเก็บภาพได้ในวงกว้างและบันทึกได้ในทุกสถานการณ์

· กล้องวงจรปิดสำหรับติดตั้งภายนอกอาคาร เป็นกล้องทรงยาวที่จะเน้นไปที่เรื่องความคมชัดเป็นหลัก บางรุ่นออกแบบมาให้มีความคมชัดสูงถึง 5 ล้านพิกเซล จุดเด่นของกล้องภายนอกอาคาร Hikvision คือ สามารถบันทึกภาพสีได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยได้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้เพื่อให้ภาพกลางคืนมีความคมชัดสูงแม้ว่าจะมีแสงสว่างน้อยก็ตาม

รวมเทคโนโลยีน่าใช้ใน Hikvision 

· เทคโนโลยี DWDR ป้องกันการย้อนแสง กล้องวงจรปิด หลายรุ่นมาพร้อมกับ เทคโนโลยี DWDR ที่ช่วยป้องกันการย้อนแสง เพราะการติดตั้งกล้องในบางตำแหน่งอาจทำให้มีแสงกระทบและเกิดภาพย้อนแสงจนมองเห็นไม่ชัดได้ เทคโนโลยีนี้จึงเข้ามาช่วยทำให้ภาพถ่ายย้อนแสงมีความคมชัดยิ่งขึ้น

· เทคโนโลยีการบีบอัดภาพ H.264 เป็นเทคโนโลยีที่มีการบีบอัดภาพและเสียงให้ออกมามีความคมชัดเท่ากัน

· เทคโนโลยี 3D DNR เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ภาพออกมาดูมีมิติมากขึ้นและมีความคมชัด

· เทคโนโลยี Low Illumination เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปรับแสงสว่างภาพให้เกิดความสมดุล

· เทคโนโลยี Smart IR เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปรับระยะอินฟราเรดในช่วงกลางคืน เพื่อให้ภาพตอนกลางคืนเห็นชัดขึ้นแม้ในระยะไกล 

· เทคโนโลยีภาพ High Definition เป็นความละเอียดระดับสูง 2560 x 1944P ที่สามารถเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ของภาพได้อย่างชัดเจน ขยายภาพได้โดยไม่แตก เช่น ทะเบียนรถ

ประโยชน์การติดตั้ง กล้องวงจรปิด Hikvision 

· ช่วยบันทึกเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ เพราะเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ไม่อาจคาดเดาได้ การติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้จึงช่วยบันทึกเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นได้ในทุกช่วงเวลา 

· ช่วยดูแลสอดส่องเวลาไม่อยู่บ้าน แม้จะไม่อยู่บ้านก็สามารถใช้กล้องวงจรปิดทำหน้าที่ช่วยดูแลสอดส่องบริเวณต่าง ๆ ของบ้านแทนได้ผ่านแอปพลิเคชันในสมาร์ตโฟน ที่สามารถเปิดดูได้แบบเรียลไทม์ 

· ช่วยป้องกันขโมย หากขโมยเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดก็จะหลีกเลี่ยงเพราะกลัวว่าจะโดนจับได้ แต่หากขโมยเข้ามาจริง ๆ ก็มีระบบแจ้งเตือนความปลอดภัยเมื่อเกิดการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ เพื่อเฝ้าระวังได้ทันเวลา

· ช่วยเฝ้าระวังความปลอดภัยของคนในบ้าน สำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุอาศัยอยู่ตามลำพัง สามารถใช้กล้องวงจรปิดเป็นสื่อกลางในการเฝ้าระวังเหตุการณ์ต่าง ๆ ในบ้านได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงการติดตามพฤติกรรมของสัตว์เลี้ยงด้วย

· สามารถสนทนากับคนในบ้านผ่านกล้องได้ มาพร้อมกับไมโครโฟนในตัว ที่ให้คุณสามารถสนทนากับคนที่บ้านผ่านกล้องวงจรปิดได้ สามารถสนทนาโต้ตอบได้ ไมโครโฟนรองรับเสียงได้ในระยะไกลหลายเมตร

· ใช้เป็นหลักฐานได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ขึ้นสามารถนำภาพจากกล้องวงจรปิดไปใช้เป็นหลักฐานทางรูปคดีหรือในเรื่องต่าง ๆ ได้ 

กล้องวงจรปิด  เป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยที่สามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอก สำหรับใครที่สนใจอยากซื้อไปติดตั้งไว้ที่บ้านก็หาซื้อมาใช้กันได้ มีให้เลือกหลายรุ่น หากเลือกรุ่นสำหรับติดตั้งภายนอกอาคาร ควรเลือกรุ่นที่มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่นระดับสูง เช่น IP67 เพื่อป้องกันน้ำฝน ละอองน้ำ และฝุ่นละอองต่าง ๆ 

กล้องวงจรปิด Hikvision

เก้าอี้นวดไฟฟ้า

เก้าอี้นวดไฟฟ้า ดีจริงหรือแค่กระแส ดีอย่างไร ทำไมถึงควรเลือกใช้?

จากกระแสของ เก้าอี้นวดไฟฟ้า ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น และมีเหล่ายูทูปเบอร์ อินฟลูเอนเซอร์ ต่างพากันออกมารีวิว ทำให้หลายคนเกิดความสงสัยกันว่า ความจริงแล้วเจ้าเก้าอี้ตัวนี้มีประโยชน์จริงไหม? จะช่วยให้เราหายเมื่อยได้จริงหรือ? และเป็นของที่จำเป็นต้องมีหรือไม่? หากใครที่กำลังมีคำถามเหล่านี้อยู่ในใจ วันนี้เราจะพาไปไขคำตอบกันให้เข้าใจมากขึ้นว่าเก้าอี้นวดนั้นดีจริงหรือเป็นเพียงแค่กระแสกันแน่?

ประโยชน์ของ เก้าอี้นวดไฟฟ้า ดีอย่างไร ทำไมถึงควรใช้?

· ช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้เฉพาะจุด เก้าอี้นวดไฟฟ้า ปัจจุบันนี้มีการพัฒนาไปไกล ไม่ได้ใช้สำหรับนวดแขนหรือขาเพียงอย่างเดียวแต่สามารถนวดได้ทั่วทั้งร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะมาจนถึงปลายเท้า ไม่ว่าจะปวดเมื่อยส่วนไหนก็สามารถเลือกนวดได้ตามที่ต้องการ

· ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด การนวดมีหลายระบบและหลายโปรแกรม การนวดด้วยระบบลูกกลิ้งที่จะกลิ้งไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้ดี

· ช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย เมื่อเลือดไหลเวียนได้ดีขึ้นก็จะช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย ช่วยให้รู้สึกสบายตัว ตัวเบา และกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น

· ช่วยให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น เมื่อเลือดไหลเวียนได้ดีระบบต่าง ๆ ในร่างกายก็จะทำงานได้ดีขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบประสาท ระบบหัวใจหลอดเลือด และอื่น ๆ 

· ช่วยคลายเส้น คลายกล้ามเนื้อ สำหรับผู้ที่มีอาการเส้นยึดก็สามารถใช้เก้าอี้นวดเพื่อช่วยคลายเส้นหรือคลายกล้ามเนื้อได้ โดยเครื่องนวดจะไปกระตุ้นกล้ามเนื้อหรือเส้นในส่วนต่าง ๆ ที่ต้องการนวดด้วยระบบที่ทันสมัย 

การเลือกซื้อเก้าอี้นวดควรดูที่อะไรบ้าง แบบไหนเหมาะกับการใช้งานของคุณ?

· โปรแกรมการนวด โดยปกติเก้าอี้นวดจะมีโปรแกรมนวดพื้นฐานต่าง ๆ มาให้อยู่แล้ว แต่หลาย ๆ รุ่นก็จะมีการเพิ่มโปรแกรมใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน ให้ได้เลือกโปรแกรมนวดแบบเฉพาะจุดหรือโปรแกรมที่ตรงกับความต้องการ จึงควรดูก่อนว่ารุ่นที่เลือกนั้นมีโปรแกรมนวดที่ถูกใจหรือไม่

· ระบบการนวด แต่ละระบบจะมีการทำงานไม่เหมือนกัน จึงควรเลือกรุ่นที่มีระบบนวดตรงกับความต้องการ เช่น ระบบ 3D เป็นระบบการนวดแบบ 3 มิติที่สามารถเข้าถึงส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างกายได้เป็นอย่างดี ให้ความรู้สึกสบายเหมือนมีคนมานวดให้จริง ๆ เป็นระบบที่นวดได้อย่างตรงจุดและช่วยแก้ปัญหาอาการปวดต่าง ๆ ได้ดี หรือจะเป็นระบบ Zero Gravity เป็นระบบการนวดแบบสภาวะไร้น้ำหนักที่ช่วยให้รู้สึกสบายเหมือนลอยอยู่ในอากาศ

· ดีไซน์และการออกแบบ ควรเลือกรุ่นที่เหมาะกับสรีระของตัวเอง นั่งแล้วรู้สึกสบาย ไม่แคบหรือใหญ่จนเกินไป เช่น เก้าอี้นวด ที่ออกแบบมาในรูปทรง S – Shaped ที่ช่วยรองรับสรีระได้เป็นอย่างดีและสบายตัว 

· ขนาดและพื้นที่ใช้สอย ควรเลือกรุ่นที่มีขนาดพอดีกับพื้นที่ใช้สอย เพราะหากเลือกรุ่นที่มีขนาดใหญ่เกินไปจะกินพื้นที่ใช้สอยและทำให้ห้องดูแคบลงได้

· การรองรับน้ำหนัก แต่ละรุ่นจะรองรับน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน จึงควรเลือกรุ่นที่รองรับน้ำหนักได้พอดีกับน้ำหนักของตัวเอง เช่น รุ่นที่รองรับน้ำหนักได้ 120 กิโลกรัม

· เสียงการทำงาน เก้าอี้นวด ส่วนมากแล้วจะมีเสียงเมื่อใช้งานอยู่แล้ว แต่จะมีเสียงไม่ดังมาก แต่หากใครที่ต้องการแบบไร้เสียงรบกวนในการทำงานก็มีรุ่นที่ทำงานได้เงียบให้เลือกใช้ด้วยเช่นกัน

· การเคลื่อนย้าย ควรเลือกรุ่นที่เคลื่อนย้ายได้สะดวก เนื่องจากเป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่ หากเลือกรุ่นที่มีน้ำหนักมากเกินไปอาจทำให้เคลื่อนย้ายยาก

· ฟังก์ชันเสริม เช่น ระบบควบคุมการทำงานด้วยรีโมตเพื่อช่วยให้สั่งงานได้ง่ายขึ้น หรือฟังก์ชันลำโพงบลูทูธในตัว ที่สามารถเชื่อมต่อลำโพงกับอุปกรณ์เพื่อเปิดฟังเพลงขณะใช้งานได้

ต้องยอมรับเลยว่าเทคโนโลยีของ เก้าอี้นวด ในปัจจุบันนั้นมีความทันสมัยมากขึ้นจริง ๆ เพราะมีระบบนวดอย่างชาญฉลาดและออกแบบมาให้เข้ากับสรีระของแต่ละคน ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สบายตัว และคลายปวดคลายเมื่อยตามจุดต่าง ๆ ได้ เป็นตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนมีอาการปวดเมื่อยตามร่างกายบ่อยหรือคนชอบนวดแต่ไม่ชอบออกไปนอกบ้าน

เก้าอี้นวดไฟฟ้า

หม้ออบลมร้อน

เคล็ดลับง่าย ๆ ในการเลือกซื้อ หม้ออบลมร้อน ให้ถูกใจ จะเมนูไหนก็ถูกปาก!

หม้ออบลมร้อน เป็นหม้ออบที่ออกแบบมาในโถรูปทรงหม้อเพื่อง่ายต่อการใช้งาน ทำงานด้วยระบบฮาโลเจนที่ใช้หลอดไฟฮาโลเจนในการปล่อยแสงสีแดงและรังสีอินฟราเรด เพื่อทำอุณหภูมิโดยใช้พัดลมระบายความร้อนให้หมุนเวียนอยู่ด้านในเพื่อทำให้อาหารสุกได้อย่างทั่วถึง สามารถใช้ทำอาหารได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเมนูอบ เมนูทอดแบบไร้น้ำมัน เมนูนึ่ง เมนูอุ่น เมนูตุ๋น และเมนูย่าง ช่วยให้อาหารกรอบอร่อยได้ง่าย ๆ ในไม่กี่นาที

หม้ออบลมร้อน แบบโถแก้วและโถสแตนเลสต่างกันอย่างไร?

· แบบโถแก้ว เป็นชนิดที่นิยมใช้เพราะสามารถมองเห็นอาหารด้านในได้ว่าสุกแล้วหรือยัง ตัวโถผลิตจากแก้วใส ทนความร้อนได้ดี ทำความสะอาดง่าย ช่วยป้องกันอาหารติดหม้อ แต่จะมีน้ำหนักค่อนข้างมากและมีผิวที่ค่อนข้างลื่น ทำให้เสี่ยงต่อการหล่นได้ง่าย

· แบบโถสแตนเลส ตัวโถจะผลิตจากสแตนเลส ข้อดีคือ มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก แต่ไม่สามารถมองเห็นอาหารด้านในได้ ต้องเป็นรุ่นที่ฝาปิดเป็นแบบฝาแก้วจึงจะมองเห็นได้ และด้วยความที่โถทำจากสแตนเลสจึงทำให้ความร้อนจากด้านในออกมาที่ตัวโถด้านนอกได้ หากเผลอไปจับจะทำให้ลวกมือ เพราะร้อนมาก จึงควรระมัดระวัง

เครื่องอบลมร้อน กับเคล็ดลับง่าย ๆ ในการเลือกซื้อให้ได้รุ่นที่ตรงใจ

· ความจุของหม้อ เพราะความจุของ หม้ออบลมร้อน นั้นส่งผลต่อการใช้งาน โดยมีให้เลือกตั้งแต่ความจุขนาด 7 – 12 ลิตร สำหรับใครที่ใช้อบอาหารทั่วไปหรือทำอาหารครั้งละปริมาณไม่มาก ขนาด 7 – 10 ลิตรก็กำลังพอดี แต่หากใครที่ทำอาหารบ่อยและทำอาหารเยอะ เหมาะสำหรับขนาด 12 ลิตร เพราะจุอาหารได้เยอะกว่า สามารถอบไก่ได้ทั้งตัว

· อุณหภูมิและระยะเวลาการทำงาน ควรเลือกรุ่นที่รองรับอุณหภูมิได้สูงเพื่อง่ายต่อการทำอาหาร เช่น ตั้งอุณหภูมิได้ 125 – 250 องศา และควรเลือกรุ่นที่สามารถตั้งเวลาได้หลายนาที เช่น ตั้งเวลาได้สูงสุด 60 นาที เพื่อไม่ต้องคอยตั้งเวลาใหม่ 

· กำลังไฟ หากใช้เครื่องอบลมร้อนทำอาหารประเภทเนื้อสัตว์บ่อย ๆ ควรเลือกรุ่นที่มีกำลังไฟเยอะขึ้นมาหน่อย เช่น กำลังไฟ 1200 วัตต์ เพื่อให้อาหารสุกได้เร็วขึ้น

· เลือกจากวัสดุ หากชอบความสวยงาม ทนทาน และทำความสะอาดง่าย เหมาะสำหรับโถแก้ว เพราะมีอายุการใช้งานค่อนข้างนาน แต่ก็ต้องระมัดระวังไม่ให้หล่นด้วยเช่นกัน แต่หากใครที่ชอบความสะดวก เคลื่อนย้ายง่าย หยิบจับง่าย เหมาะสำหรับโถสแตนเลส

· ระบบความปลอดภัย ควรเลือกรุ่นที่มีระบบความปลอดภัย เพราะจะช่วยเซฟตี้ได้มากกว่า เช่น ระบบ Safety Locks ที่เมื่อยกหูจับขึ้น เตาอบลมร้อน จะหยุดทำงานทันที ช่วยป้องกันเวลาเด็ก ๆ ไปจับเล่น เพราะทำให้เกิดอันตรายได้

· ฟังก์ชันการใช้งาน แต่ละรุ่นอาจมีฟังก์ชันที่ไม่เหมือนกัน เช่น บางรุ่นสามารถทอดอาหารได้แบบไร้น้ำมัน จึงควรเลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันตรงกับความต้องการ นอกจากนี้ยังรวมถึงโปรแกรมละลายน้ำแข็ง ไฟแสดงสถานะการทำงาน เสียงเตือนขณะที่ทำอาหารเสร็จ และอื่น ๆ เพื่อง่ายต่อการใช้งาน

· อุปกรณ์เสริม เช่น มีตะแกรงสำหรับทอดเฟรนช์ฟรายส์มาให้ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน

การทำความสะอาด หม้ออบลมร้อน อย่างถูกวิธี สะอาด ปลอดภัย ไม่ต้องกลัวแตก!

· ปิดสวิตช์และถอดปลั๊กออกเมื่อเลิกใช้งาน เตาอบลมร้อน

· รอให้เครื่องเย็นแล้วจึงทำความสะอาดโดยใช้ฟองน้ำถู ไม่ควรใช้ฝอยขัดหม้อมาขัดเพราะจะทำให้หม้อเป็นรอย

· ไม่นำบริเวณที่อยู่ใกล้กับสายไฟไปล้างน้ำหรือโดนน้ำ หากโดนน้ำควรใช้ผ้าเช็ดให้แห้งทันที

· หลังล้างแล้วควรเช็ดหรือนำไปผึ่งให้แห้งแล้วจึงเก็บเข้าที่

· ม้วนสายไฟเก็บเข้าที่ก่อนเก็บใส่กล่อง เพราะอาจทำให้สายไฟขาดจากการกดทับได้

และนี่เคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกซื้อ เครื่องอบลมร้อน การดูแลและการทำความสะอาด หากใครที่ทำอาหารบ่อยหรือชอบทำอาหารแบบไร้น้ำมันก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถทำอาหารได้หลายเมนูทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน ไม่ว่าจะเป็นไก่ย่าง กุ้งอบเกลือ หมูกรอบ ปลาย่าง หมูทอดไร้น้ำมัน เฟรนช์ฟรายส์ทอด หรือของหวานอย่างคุ้กกี้ก็สามารถทำได้เช่นกัน

หม้ออบลมร้อน

กล่องทีวี

เลือกซื้อ กล่องทีวี ดิจิทัลอย่างไรให้ได้ฟังก์ชันที่ตรงกับความต้องการและคมชัดถูกใจ?

กล่องทีวี หรือกล่องดิจิทัล เป็นกล่องรับสัญญาณที่เชื่อมต่อกับทีวีเพื่อใช้ในการรับสัญญาณภาพและเสียงให้สามารถรับชมรายการต่าง ๆ ผ่านทางทีวีที่บ้านได้ เพราะทีวีระบบดิจิทัลในปัจจุบันนั้นไม่สามารถรับสัญญาณระบบดิจิทัลเองได้ ต้องใช้กล่องส่งสัญญาณเป็นตัวนำพา รวมถึงทีวีรุ่นเก่าด้วย กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัลจึงเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยให้คุณสามารถรับชมรายการสดจากทางสถานีโทรทัศน์ได้ครบทุกช่องที่ต้องการนั่นเอง

การเลือกซื้อกล่องทีวีควรพิจารณาจากอะไรบ้าง?

· ระดับความคมชัด ควรเลือกกล่องทีวีที่มีความคมชัดเพียงพอต่อความต้องการ โดยระดับความคมชัดจะมีตั้งแต่ระดับ HD ความละเอียดภาพ 720p, ระดับ Full HD ความละเอียดภาพ 1080p และระดับ Ultra HD หรือ 4k ความละเอียดภาพ 2,160p เป็นกล่องรุ่นใหม่ที่มีความคมชัดระดับสูง ที่ให้รายละเอียดภาพได้อย่าคมชัดและสมจริง เพราะปัจจุบันนี้ทีวีดิจิทัลส่วนใหญ่สามารถรองรับความคมชัดในระดับ 4k ได้แล้ว

· พอร์ตการเชื่อมต่อ ควรเลือกรุ่นที่พอร์ตการเชื่อมต่อตรงกับความต้องการ เพื่อความสะดวกในการใช้งาน เพราะแต่ละคนอาจใช้อุปกรณ์เชื่อมต่อที่ไม่เหมือนกัน จึงควรเลือกรุ่นที่มีพอร์ตรองรับการเชื่อมต่อหลายแบบ เช่น HDMI, Coaxial, USB, RCA, IR, RF IN/OUT, AV, LNB 

· การรองรับ USB Wi-Fi สำหรับใครที่ใช้ Smart TV ควรเลือกรุ่นที่รองรับพอร์ต USB Wi-Fi เพราะ Smart TV ไม่ได้ออกแบบมาให้รับสัญญาณ Wi-Fi เพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตได้โดยตรง แต่จะต้องใช้ตัวรับสัญญาณ Wi-Fi ผ่านพอร์ต USB Wi-Fi เพื่อเชื่อมต่อสัญญาณ Wi-Fi และใช้งานอินเทอร์เน็ตแทน

· ฟังก์ชันการใช้งาน ปัจจุบันนี้กล่องทีวีมีฟังก์ชันการใช้งานให้เลือกหลากหลาย โดยฟังก์ชันที่นิยมคือ ฟังก์ชันอัปเดตช่องรายการทีวีอัตโนมัติ การค้นหาช่องรายการอัตโนมัติ การสั่งงานด้วยเสียง การควบคุมการใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน การบันทึกรายการย้อนหลัง และอื่น ๆ 

· ระบบ Auto OTA เป็นระบบอัปเดตกล่องสัญญาณด้วยระบบอัตโนมัติ ที่จะช่วยอัปเดตรายการหรือช่องใหม่ ๆ ให้ได้รับชม

· การรองรับระบบ C-Band และ Ku Band ระบบ C-band หรือที่หลายคนเรียกกันว่า จานดำ เป็นจานดาวเทียมที่ครอบคลุมพื้นที่การใช้งานได้ในวงกว้าง ในช่วงความถี่ 3.4 – 4.2 GHz มีขนาดใหญ่ ติดตั้งเพียงครั้งเดียวก็สามารถรับชมได้เลย มีราคาไม่สูง ส่วน Ku-band คือจานดาวเทียมที่มีคลื่นความถี่ 10 – 12 GHz ครอบคลุมพื้นที่ได้น้อย แต่มีช่องให้เลือกรับชมที่มากกว่าและติดตั้งง่ายกว่า เพราะมีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่จะมีปัญหาในช่วงที่ฝนตกที่บางครั้งจะไม่สามารถรับชมได้

· ดีไซน์และขนาด กล่องทีวีดิจิตอลปัจจุบันนี้มีการออกแบบมาให้สวยงามและมีความกะทัดรัดมากขึ้น เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ใช้งานและเข้ากับการตกแต่งบ้านได้เป็นอย่างดี สามารถเลือกได้ในสไตล์ที่ต้องการ

· การรับประกัน ส่วนมากกล่องรับสัญญาณจะมีประกันติดมากับตัวเครื่องอยู่แล้ว โดยทั่วไปการรับประกันจะอยู่ที่ประมาณ 1 ปี เพื่อช่วยดูแลในกรณีที่กล่องเกิดปัญหา แต่ในแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ก็จะมีช่วงเวลาในการรับประกันที่ไม่เท่ากัน 

การติดตั้ง กล่องทีวี ด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้

สำหรับทีวีระบบแอนาล็อก หากเป็นรุ่นที่รองรับระบบดิจิทัลสามารถติดตั้ง กล่องทีวี กับทีวีเพื่อใช้งานได้เลย แต่หากเป็นรุ่นที่ไม่รองรับระบบดิจิทัล ให้ใช้เสาก้างปลาหรือเสาอากาศเชื่อมต่อกับกล่องรับสัญญาณเพื่อรับชมได้ เพราะเสารับสัญญาณทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณให้สามารถรับชมทีวีระบบดิจิทัลได้ โดยไม่จำเป็นต้องซื้อทีวีเครื่องใหม่ เพราะเพียงแค่มีกล่องดิจิตอลทีวีและเสารับสัญญาณก็ช่วยให้สามารถรับชมทีวีในรายการต่าง ๆ จากสถานีโทรทัศน์ได้แล้ว

กล่องทีวี มีให้เลือกหลายรุ่นหลายราคา โดยกล่องแต่ละรุ่นอาจมีการรับสัญญาณทีวีจากช่องต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน หากชอบดูรายการประเภทไหนควรเลือกกล่องรับสัญญาณที่รองรับรายการนั้น ๆ เช่น กล่องรับสัญญาณทีวีดิจิทัลที่สามารถรับชมฟุตบอลได้ เพื่อให้ได้ชมรายการถูกใจ ส่วนใครชอบเล่นอินเทอร์เน็ตก็สามารถใช้ตัวรับสัญญาณ Wi-Fi มาเชื่อมต่อเพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ตในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้ เช่น การรับชมวิดีโอผ่าน YouTube หรือจะดูหนังดูซีรีส์ผ่าน Netflix ก็ได้เช่นกัน หาซื้อง่ายตามร้านขายอุปกรณ์ทีวีหรือบนเว็บช้อปปิ้งออนไลน์ ราคาอยู่ที่ประมาณหลักร้อยต้น ๆ ไปจนถึงหลักพัน มีบริการจัดส่งทั่วประเทศให้ถึงหน้าบ้าน

กล่องทีวี

โซล่าเซลล์

เลือกแผงโซล่าเซลล์ให้ตอบโจทย์แผนประหยัดค่าไฟ เริ่มต้นอย่างไรดี

หลายคนน่าจะกำลังคิดที่จะซื้อ แผง โซล่าเซลล์ มาติดตั้งที่บ้าน หรือมาใช้เป็นแหล่งพลังงานให้กับการทำงานในแปลงเกษตรของตัวเองกันอยู่แน่ ๆ เพราะปัจจัยที่เป็นปัญหามากมายทำให้ต้นทุนด้านพลังงานที่จะนำมาผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟก็สูงตามไปด้วย ในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจากปัญหาที่มีรอบด้านเช่นนี้ การที่จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ดี การนำเอาโซล่าเซลล์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ที่สามารถหาได้จากธรรมชาติมาใช้งานจึงถือเป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยได้ในภาวะแบบนี้ แต่พอจะเลือกซื้อโซล่าเซลล์มาใช้งานจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นเลือกอย่างไร ครั้งนี้จึงมีคำแนะนำมาฝาก

รู้จักประเภทของแผง โซล่าเซลล์ ให้ดีก่อนเลือกซื้อ

สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนเลยก็คือ แผงไฟโซล่าเซลล์ที่เราเห็นวางจำหน่ายกันอยู่ทั่วไปนั้น ปัจจุบันไม่ได้มีอยู่เพียงแค่รูปแบบเดียว แต่แบ่งเป็นรูปแบบใหญ่ ๆ ออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ

· Mono Crystalline: แผง Solar Cell ประเภทนี้ขนาดจะไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่มีขนาดพื้นที่จำกัด หรือผู้ที่ต้องการประหยัดพื้นที่ใช้สอย

· Poly Crystalline: แผง Solar Cell ประเภทนี้ตัวขนาดของแผงจะมีขนาดใหญ่กว่าแบบแรก ถึงขนาดจะใหญ่กว่าแต่ในด้านราคากลับถูกกว่าแบบแรก เพราะเป็นขนาดมาตรฐานทั่วไป ฐานการผลิตที่เป็นโรงงานส่วนใหญ่ก็จะผลิตประเภทนี้ออกมามากกว่า ทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลงนั่นเอง

ในส่วนของคุณภาพแล้ว แผง Solar Cell ทั้ง 2 ประเภทนี้ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก อาจจะมีความต่างกันบ้างในเรื่องของระบบการแปลงไฟฟ้า แต่ในภาพรวมแล้วผลลัพธ์ที่ได้เราจะไม่เห็นความต่างสักเท่าไหร่ ดังนั้น เมื่อเราจะเลือกซื้อประเด็นใหญ่จึงต้องโฟกัสไปที่ขนาดแผงที่ควรจะต้องสอดรับกับพื้นที่ที่จะติดตั้ง ถ้าพื้นที่มีเนื้อที่จำกัด ก็อาจจะเลือกเป็นแบบ Mono แต่โดยมากแล้วการติดตั้งแผง Solar Cell ในไทยเรา ก็มักจะมีการเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับการติดตั้งระบบอยู่แล้ว จึงสามารถแบบ Poly ก็ได้เช่นกัน อันจะดีตรงที่ว่าช่วยประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งลงไปได้อีกนั่นเอง

เลือกแผงโซล่าเซลล์ควรเลือกขนาดกำลังไฟเผื่อไว้

อีกจุดหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยในการพิจารณาเลือกซื้อแผงไฟโซล่าเซลล์ก็คือ ควรเลือกซื้อแผงที่ให้ขนาดกำลังไฟสูงเผื่อไว้ก่อนจะดีกว่า โดยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญแล้วจะระบุไว้ว่า หากเราทราบหรือประเมินแล้วว่า อุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชนิดที่เราจะนำไปเชื่อมระบบกับ Solar Cell มีอะไรบ้าง และรวมทั้งหมดแล้วเราจะต้องใช้กำลังไฟจาก Solar Cell ประมาณเท่าไหร่ เวลาเลือกซื้อแผง Solar Cell จริง ๆ ให้เลือกกำลังไฟที่เกินกว่าที่เราประมาณการเอาไว้ 20% เป็นอย่างต่ำ การเลือกค่ากำลังไฟเกินไว้ก่อนนั้น มีประโยชน์แน่นอน เพราะเป็นการเผื่อเอาไว้สำหรับการชดเชยเวลากำลังไฟตกลงในบางช่วงเวลา อีกทั้งยังเป็นการช่วยถนอมแบตเตอรี่ของระบบด้วย กำลังไฟที่นิ่งจะลดความสูญเสียของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ลงได้นั่นเอง

อีกส่วนหนึ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไปด้วยก็คือส่วนของ Inverter เพราะตอนที่เราประเมินกำลังวัตต์รวมของเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด เราจะทราบอยู่แล้วว่าเมื่อรวมทั้งหมดแล้วกำลังวัตต์จะมากน้อยขนาดไหน ก็อีกเช่นกัน การเลือก Inverter ที่จะนำมาใช้กับระบบ Solar Cell ก็ควรจะเลือกกำลังวัตต์เผื่อเกินไว้ประมาณ 30 – 40% วัตต์รวมของเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด เช่น TV หากใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 60W ให้เราเลือก Inverter ขนาด 100W อย่างนี้เป็นต้น การเลือกแผง Solar Cell และ Inverter เผื่อกำลังไว้เช่นนี้จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต่อพ่วงระบบไม่เกิดความเสียหายเวลาไฟฟ้าไม่เสถียรนั่นเอง

เหล่านี้เป็นแนวทางเริ่มต้นในการพิจารณาเลือกซื้อแผงโซล่าเซลล์มาติดตั้งที่บ้านหรือใช้ในพื้นที่แปลงเกษตรของตนเอง เป็นหลักเบื้องต้นคร่าว ๆ ในการพิจารณา นอกจากที่กล่าวมานี้แล้วการจะติดตั้งระบบ Solar Cell ให้มีการทำงานที่เสถียรมั่นคง ก็แนะนำว่าควรพิจารณาอุปกรณ์อื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วยอย่าง Solar Control Charger รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่จะนำมาเก็บไฟฟ้าทั้งประเภทและขนาด สิ่งเหล่านี้ก็สำคัญเช่นกัน หากพิจารณาทั้งหมดนี้อย่างครอบคลุมแล้ว ก็จะทำให้คุณสามารถเลือกซื้อแผง Solar Cell มาติดตั้งใช้งานได้อย่างถูกต้อง คุ้มค่าคุ้มราคากับที่จ่ายออกไปแน่นอน 

หลายคนน่าจะกำลังคิดที่จะซื้อ โซล่าเซลล์ มาติดตั้งเพื่อใช้ พลังงานจากแสงอาทิตย์ มารู้จักประเภทของแผงโซล่าเซลล์ให้ดีก่อนเลือกซื้อ

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เทรนด์ใหม่สำหรับคนรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ควรรู้จัก!

เชื่อว่าในช่วงนี้หลายคนคงได้เห็น มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ตามท้องถนนหรือตามตรอก ซอก ซอยต่าง ๆ กันอยู่บ่อย ๆ เพราะเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ ทำให้มีหลายซื้อมาใช้เป็นยานพาหนะสำหรับการเดินทางใกล้ ๆ แทนการใช้รถมอเตอร์ไซค์ แต่ทราบหรือไม่ว่ามอเตอร์ไซค์ชนิดนี้ต่างจากมอเตอร์ไซค์แบบทั่วไปอย่างไร มีข้อดีอย่างไร และทำไมหลายคนถึงเลือกใช้?

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทำอะไรได้บ้าง ต่างจากมอเตอร์ไซค์ทั่วไปอย่างไร?

· ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทำงานโดยใช้ไฟฟ้า ต่างจากมอเตอร์ไซค์แบบทั่วไปที่ต้องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมันลงได้

· ไม่มีท่อไอเสีย ปราศจากควัน ไม่สร้างมลพิษทางอากาศ ด้วยความที่ระบบการทำงานเป็นระบบไฟฟ้าจึงไม่จำเป็นต้องมีไอเสียในการปล่อยควัน ทำให้เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่ไม่สร้างมลพิษในอากาศ ปราศจากควัน ไม่มีควันเมื่อสตาร์ตหรือขับขี่ ช่วยลดการสร้างฝุ่น PM 2.5 ในอากาศ

· สตาร์ตเงียบ ขับขี่เงียบ จุดเด่นของมอเตอร์ไซค์ชนิดนี้คือเรื่องความเงียบ เพราะสตาร์ตเงียบ เพียงกดสวิตช์ระบบไฟฟ้าก็ทำงานแล้ว นอกจากนี้ในส่วนของการขับขี่เงียบไม่สร้างความรบกวนอีกด้วย

· ไม่ต้องคอยเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เพราะไม่ต้องใช้น้ำมันในการขับเคลื่อนจึงไม่ต้องคอยเปลี่ยนน้ำมันเครื่องบ่อย ๆ ไม่ต้องกังวลว่าจะถึงระยะการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องตอนไหน

· น้ำหนักเบา ด้วยวัสดุและระบบการทำงานแล้วจึงทำให้เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบาเมื่อเทียบกับมอเตอร์ไซค์แบบทั่วไป บังคับง่าย ควบคุมรถได้ง่าย เหมาะสำหรับคนทั่วไปและผู้สูงอายุ

· เครื่องยนต์ไม่ร้อน แม้จะขี่เป็นเวลานานก็ปราศจากปัญหาเครื่องยนต์ร้อน ไม่ต้องจอดพัก หรือกลัวว่าเครื่องยนต์จะลวกขาขณะใช้งาน

· ขี่ลุยน้ำได้ ด้วยเครื่องยนต์และตัวถังที่ออกแบบมาให้กันน้ำได้จึงสามารถขี่กลางฝนหรือลุยน้ำได้ แต่ในการขี่ลุยน้ำควรระวังระดับน้ำที่สูงจนเกินไป และควรขี่ลุยน้ำเมื่อจำเป็นจะดีกว่า

· ชาร์จไฟเองได้ง่าย ๆ จากที่บ้าน ไม่ต้องนำไปชาร์จไฟที่สถานีจ่ายไฟที่ไหนให้ยุ่งยากเพราะสามารถชาร์จไฟเองได้ง่าย ๆ ที่บ้านเพียงต่อเข้ากับไฟบ้าน ส่วนระยะเวลาการชาร์จไฟจะขึ้นอยู่กับรุ่นที่ใช้งาน โดยจะอยู่ที่ประมาณ 2 – 6 ชั่วโมง

· ซ่อมบำรุงง่าย เมื่อเกิดปัญหาสามารถแก้ไขและซ่อมบำรุงได้ง่ายที่ระบบไฟฟ้า เพราะเป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อน 

· มีการรับประกันและศูนย์บริการ มีการรับประกันสินค้าและศูนย์บริการเหมือนกับมอเตอร์ไซค์แบบทั่วไป เพียงแต่ยังไม่ได้มีมากเท่ากับมอเตอร์ไซค์แบบทั่วไป

เรื่องควรรู้ก่อนซื้อมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า วิ่งได้ไกลไหม เหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหน?

· มีระยะทางที่จำกัด มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าแต่ละรุ่นจะมีระยะทางการวิ่งที่จำกัด เช่น วิ่งได้ 40 – 50 กิโลเมตร แต่บางรุ่นวิ่งได้ไกลถึง 100 เมตร โดยระยะทางการวิ่งขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ หากแบตเตอรี่มีความจุมากก็จะรองรับการใช้งานได้มากกว่า 

· มีความเร็วที่จำกัดไม่เท่ากัน นอกจากเรื่องระยะทางที่จำกัดแล้วความเร็วก็มีจำกัดเช่นกัน โดยรุ่นทั่วไปจะวิ่งได้ที่ความเร็วสูงสุด 40 – 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หากเป็นรุ่นที่ผลิตมาเพื่อนักบิดหรือนักแข่งแล้วจะสามารถทำความเร็วได้สูง 321 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว

· มีราคาค่อนข้างสูง สำหรับรุ่นทั่วไปที่วางจำหน่ายในท้องตลาดหรือเว็บชอปปิงออนไลน์จะมีราคาอยู่ที่ประมาณหลักหมื่นต้น ๆ ไปจนถึงหมื่นกลาง ๆ แต่หากเป็นรุ่นสปอร์ตแล้วราคาจะอยู่ที่หลักแสนขึ้นไปถึงหลักล้านกันเลยทีเดียว

· ต้องชาร์จแบตเตอรี่ก่อนขับขี่ เพื่อให้มั่นใจว่าจะเดินทางได้นานขึ้นควรชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มก่อนขับขี่ทุกครั้งเพื่อประเมินระยะทางได้ง่ายขึ้นและไม่ต้องกลัวแบตหมดกลางทาง

· การขี่ด้วยความเร็วสูงจะทำให้เปลืองแบตเตอรี่มากขึ้น แม้ว่าในหลาย ๆ รุ่นจะรองรับความเร็วได้มาก แต่การขับขี่ด้วยความเร็วสูงจะทำให้เปลืองแบตเตอรี่มากขึ้น หรือทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วขึ้นนั่นเอง

· ค่อนข้างประหยัดเมื่อเทียบกับการใช้งานในระยะยาว หลังจากที่จ่ายเงินซื้อมอเตอร์ไซค์ไปแล้วจะไม่ค่อยมีค่าใช้จ่ายจุกจิกมากวนใจ ไม่ต้องเสียเงินเติมน้ำมันทุกวันหรือทุกอาทิตย์ 

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายขึ้น คนทั่วไปหรือผู้สูงอายุก็สามารถใช้ได้ เหมาะสำหรับการเดินทางระยะใกล้ เช่น ไปจ่ายตลาด หรือไปซื้อของใช้ต่าง ๆ เป็นทางเลือกใหม่ในการเดินทางสำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบายและชื่นชอบความทันสมัย

มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เทรนด์ใหม่สำหรับคนรักษ์สิ่งแวดล้อมที่ควรรู้จัก! มารู้ว่าทำอะไรได้บ้าง ต่างจากมอเตอร์ไซค์ทั่วไปอย่างไร?

เครื่องทําน้ําแข็ง

ทำน้ำแข็งทานเองที่บ้านได้ง่าย ๆ ด้วย
เครื่องทําน้ําแข็ง สะดวก สะอาด ง่าย ทำได้ใน 6 – 8 นาที!


เครื่องทําน้ําแข็ง สำหรับใครที่ชอบดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ปัจจุบันนี้ก็สามารถทำน้ำแข็งได้ง่ายขึ้นแล้วผ่านเครื่องทำน้ำแข็งที่สามารถทำน้ำแข็งก้อนได้ในเวลาเพียงแค่ 6 – 8 นาทีเท่านั้นเอง ช่วยให้คุณทำน้ำแข็งทานเองที่บ้านได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องทำน้ำแข็งในตู้เย็นครั้งละหลายชั่วโมงให้เสียเวลา ส่วนเจ้าเครื่องนี้จะดีอย่างไร และควรเลือกจากอะไรบ้าง เรามีมาบอกกัน

ข้อดีของเครื่องทำน้ำแข็งที่หลายคนอาจยังไม่รู้!

· ใช้เวลาทำน้ำแข็งได้เร็ว เครื่องทำน้ำแข็งสามารถทำน้ำแข็งได้เร็วกว่าการทำน้ำแข็งในตู้เย็นหลายเท่า โดยปกติแล้วการทำน้ำแข็งในตู้เย็นจะใช้เวลาประมาณ 3 – 4 ชั่วโมงกว่าที่น้ำจะเกาะตัวกลายเป็นน้ำแข็ง แต่เครื่องผลิตน้ำแข็งสามารถทำได้น้ำแข็งได้ในเวลาเพียง 6 – 8 นาทีต่อน้ำแข็ง 1 – 2 แก้ว ซึ่งถือว่าใช้เวลาน้อยมากเลยทีเดียว

· ทำน้ำแข็งได้ครั้งละปริมาณมาก ในแต่ละครั้งสามารถผลิตน้ำแข็งได้มากตั้งแต่ประมาณสิบก้อนไปจนถึงหลายร้อยก้อนเลย ขึ้นอยู่กับความจุในการทำน้ำแข็งของเครื่องแต่ละรุ่น หากเป็นเครื่องขนาดใหญ่สำหรับใช้ในร้านอาหาร คาเฟ่โรงแรม และอื่น ๆ จะผลิตได้ในปริมาณที่มากขึ้นเพื่อเพียงพอต่อการใช้งาน

· ได้น้ำแข็งที่สะอาดถูกหลักอนามัย เพราะเป็นน้ำแข็งที่ทำเองจึงทำให้มั่นได้ว่าจะได้น้ำแข็งที่สะอาดถูกหลักอนามัย ปราศจากกลิ่นหรือสิ่งสกปรกตกค้างต่าง ๆ ที่มากับน้ำแข็งและพบได้เมื่อน้ำแข็งละลาย

· ประหยัดเวลา เพราะใช้เวลาการทำน้ำแข็งน้อยจึงช่วยประหยัดเวลาได้มากกว่า ไม่ต้องรอนาน ได้ปริมาณน้ำแข็งที่เพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละครั้ง

· ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว สำหรับร้านอาหารหรือธุรกิจที่จำเป็นต้องใช้น้ำแข็ง การซื้อน้ำแข็งในแต่ละวันนั้นมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง การซื้อเครื่องมาผลิตน้ำแข็งเองเพื่อใช้ในระยะยาวจึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่า

สิ่งที่ควรรู้ในการเลือกซื้อเครื่องทำน้ำแข็ง ควรเลือกจากอะไรบ้าง?

· ขนาดและน้ำหนัก เครื่องทำน้ำแข็งผลิตออกมาหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กสำหรับพกพาไปจนถึงขนาดใหญ่ การเลือกใช้จึงควรพิจารณาจากขนาดตัวเครื่องและน้ำหนักที่เหมาะสมกับการใช้งานด้วย เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บ ไม่ใหญ่จนเกินไป 

· ความจุในการทำน้ำแข็ง เครื่องขนาดเล็กจะทำน้ำแข็งได้น้อยกว่าเครื่องที่มีขนาดใหญ่ จึงควรเลือกความจุที่เหมาะสมกับการใช้งาน หากต้องการเครื่องสำหรับ 1 – 2 ท่าน เครื่องขนาดพกพาหรือขนาดเล็กประมาณ 0.6 กิโลกรัม ก็ถือว่าเพียงพอ แต่หากใช้สำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคนควรเลือกเครื่องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย เช่น ขนาด 1 – 1.5 กิโลกรัม ก็ทำน้ำแข็งได้มากและเพียงพอต่อการใช้งานในแต่ละครั้ง

· ระยะเวลาในการทำงาน แต่ละรุ่นใช้ระยะในการทำน้ำแข็งไม่เท่ากัน บางรุ่นทำน้ำแข็งได้เร็ว บางรุ่นอาจต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้นสักหน่อย ขึ้นอยู่กับระบบและฟังก์ชันการทำงานของแต่ละรุ่น แต่สำหรับรุ่นทั่วไปขนาดเล็ก – ขนาดกลางจะใช้เวลาการทำน้ำแข็งในแต่ละครั้งต่างกันอยู่ประมาณ 5 – 10 นาที ซึ่งก็ถือว่าไม่ต่างกันมากสักเท่าไหร่

· ฟังก์ชันการใช้งาน เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเลยเพราะส่งผลต่อการใช้งานโดยตรง โดยแต่ละฟังก์ชันจะช่วยสร้างความสะดวกในการใช้งานด้านต่าง ๆ เช่น มีไฟสถานะแจ้งเตือนเมื่อน้ำแข็งเต็มหรือเตือนให้เติมน้ำเมื่อน้ำหมด, ตั้งเวลาเปิด – ปิดได้อัตโนมัติ, ต่อกับเครื่องกรองน้ำเพื่อทำน้ำแข็งอัตโนมัติได้

· ขนาดและรูปทรงน้ำแข็ง เครื่องแต่ละรุ่นจะผลิตน้ำแข็งได้ในขนาดก้อนที่ไม่เท่ากันและมีรูปทรงที่ต่างกัน จึงควรดูให้ดีก่อนว่ารุ่นนั้นผลิตน้ำแข็งขนาดก้อนตรงกับความต้องการหรือไม่ และมีรูปทรงแบบไหน เช่น ทรงสี่เหลี่ยม

· ความปลอดภัย ควรผลิตจากวัสดุที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัย ไม่เป็นสนิมง่าย และปราศจากสาร BPA หรือสารก่อมะเร็งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

ปัจจุบันนี้เครื่องทำน้ำแข็งมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น มีทั้งเครื่องขนาดเล็กสำหรับพกพาที่สามารถพกพาไปทำน้ำแข็งที่ไหนก็ได้ และเครื่องขนาดใหญ่สำหรับธุรกิจ เลือกขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งานกันได้เลย ส่วนราคาจะอยู่ที่ประมาณ 2 พันบาทไปจนถึงหลักหมื่น เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้คุณทำน้ำแข็งทานเองที่บ้านได้ง่ายขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะต้องการแบบไหน ขนาดเท่าไหร่ก็เลือกเองได้

เครื่องทําน้ําแข็ง ปัจจุบันนี้ก็สามารถทำน้ำแข็งได้ง่ายขึ้นแล้วผ่าน เครื่องทำน้ำแข็ง ที่สามารถทำน้ำแข็งก้อนง่ายๆได้ในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เพื่อนเดินทางสำหรับคนรุ่นใหม่ ใช้งานง่าย เลือกได้ในแบบที่ชอบ

ในช่วงนี้เราคงได้เห็น สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ตามวิ่งตามถนนตรอกซอกซอยกันมากขึ้น เพราะเป็นยานพาหนะรูปแบบใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ได้เดินทางได้สะดวกขึ้นในระยะทางใกล้ ๆ เช่น ซื้อของหน้าปากซอย แทนการเดินหรือการใช้ยานพาหนะที่ต้องเติมน้ำมัน สกู๊ตเตอร์ทำงานโดยใช้ไฟฟ้า ชาร์จไฟหนึ่งครั้งสามารถขับขี่ได้ไกลหลายกิโลเมตร สำหรับใครที่สนใจหรือมีแพลนจะซื้อแต่ไม่รู้ว่าควรเลือกซื้อแบบไหนดีเราก็มีมาบอกกัน 

การเลือกซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าต้องดูที่อะไรบ้าง? 

· ขนาดและน้ำหนัก หลายคนมองข้ามเพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นในการเลือกซื้อสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าแต่ความจริงแล้วจำเป็นมากกว่าที่คิด เพราะขนาดและน้ำหนักนั้นมีผลต่อการใช้งานโดยตรง หากมีน้ำหนักมากเกินไปจะทำให้เคลื่อนย้ายไม่สะดวกได้ โดยเฉพาะคนที่ใช้ร่วมกับการเดินทางด้วยระบบโดยสารแบบอื่น ๆ 

· ความเร็วสูงสุด เพื่อได้รุ่นที่ทำความเร็วได้ตรงกับความต้องการ โดยส่วนมากแล้วความเร็วในการวิ่งสูงสุดจะอยู่ที่ประมาณ 25 – 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากเป็นรุ่นทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 18 – 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นความเร็วในระดับที่ปลอดภัย สามารถหยุดรถได้ง่าย และความเร็วประมาณ 35 – 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ที่ถือว่าเดินทางได้ค่อนข้างเร็วเมื่อเทียบกับการปั่นจักรยาน

· ระยะทางในการขับขี่ เพื่อดูว่าสกู๊ตเตอร์รุ่นนั้น ๆ สามารถวิ่งได้ไกลแค่ไหนต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง เพื่อคำนวณการเดินทางได้อย่างถูกต้องทั้งไปและกลับ โดยระยะทางในการเดินทางจะอยู่ที่ประมาณ 40 – 65 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง หากคำนวณระยะทางไม่ดีอาจทำให้แบตเตอรี่หมดก่อนถึงจุดหมายได้

· เวลาการชาร์จ ควรเลือกรุ่นที่ใช้เวลาชาร์จไม่นานจนเกินไป โดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาชาร์จอยู่ที่ประมาณครั้งละ 3 – 5 ชั่วโมง หากเลือกรุ่นที่ใช้เวลาชาร์จนานเกินไปจะทำให้กินไฟและสร้างความไม่สะดวกได้

· ฟังก์ชันการใช้งาน แต่ละรุ่นจะมีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกัน ควรเลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันเสริมตรงกับการใช้งานเพื่อช่วยให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เช่น ปรับความเร็วได้ 3 ระดับ, มีหน้าจอแสดงผลแบบ LCD ช่วยให้มองเห็นได้ง่ายขึ้น, สามารถพับเก็บได้ ช่วยสร้างความสะดวกในการพกพาและช่วยประหยัดพื้นที่ลงได้, , มีระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบอัตโนมัติ เพื่อช่วยให้สกู๊ตเตอร์ทำความเร็วได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องปรับระดับบ่อย เหมาะสำหรับการขี่ทางตรง

· ระบบความปลอดภัย เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานควรมีระบบความปลอดภัยที่ดี เช่น ระบบล็อกกันขโมย, แบตเตอรี่ป้องกันความร้อน เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร 

· ระบบเบรก เพราะเบรกเป็นสิ่งสำคัญในการขับสกู๊ตเตอร์จึงควรเลือกระบบเบรกที่ได้มาตรฐานและช่วยสร้างความปลอดภัยในการขับขี่ เช่น เบรกระบบไฟฟ้า E-ABS ที่จะช่วยป้องกันล้อล็อกเมื่อมีการเบรกกะทันหัน เพราะหากล้อล็อกจะทำให้สกู๊ตเตอร์หยุดและเกิดการกระชากได้ ทำให้เสียการทรงตัวและมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุง่าย, ระบบเบรกคู่ ที่จะช่วยเบรกได้อย่างนุ่มนวลทั้งล้อหน้าและล้อหลังเมื่อมีการเบรกฉุกเฉิน

· รองรับน้ำหนักได้สูงสุด แต่ละรุ่นมีการเลือกใช้วัสดุที่ต่างกันทำให้มีความแข็งแรง ทนทาน และมีความสามารถในการรับน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน บางรุ่นรับน้ำหนักได้สูงสุด 100 กิโลกรัม แต่บางรุ่นรองรับน้ำหนักได้สูงถึง 200 กิโลกรัม

เรื่องควรรู้ในการขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ปลอดภัยหรือไม่ ควรปฏิบัติอย่างไร?

· สวมอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยทุกครั้งที่ขับขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า ควรสวมหมวกกันน็อกและอุปกรณ์ป้องกัน เช่น สนับศอก สนับเข่า ทุกครั้งที่ขับขี่เพื่อความปลอดภัยบนท้องถนน 

· ไม่ควรขี่บนถนนใหญ่หรือเส้นทางจราจร เพราะตามกฎหมายแล้วการขี่สกู๊ตเตอร์บนท้องถนนนั้นถือว่าผิดกฎหมายและยังไม่มีกฎหมายรองรับโดยตรง

· ขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม ความเร็วที่เหมาะสมอยู่ที่ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็นระดับความเร็วที่ปลอดภัยที่กฎหมายต่างประเทศระบุไว้

· หลีกเลี่ยงพื้นขรุขระหรือพื้นที่ไม่เสมอกัน เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย เนื่องจากล้อมีขนาดเล็กและเป็นยาง อาจทำให้ยางแตกได้

ปัจจุบันนี้สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ามีให้เลือกมากขึ้นและมีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในหลาย ๆ รูปแบบ สามารถขับขี่ได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า เพื่อนเดินทางสำหรับคนรุ่นใหม่ ใช้งานง่าย เลือกได้ในแบบที่ชอบ

แผงโซล่าเซลล์

สารพัดประโยชน์ของการติดตั้ง แผงโซล่าเซลล์ ดีอย่างไร ทำไมถึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

ปัจจุบันนี้การติดตั้ง แผงโซล่าเซลล์ เป็นที่นิยมมากขึ้น ไม่ได้เป็นอุปกรณ์สำหรับติดตั้งตามโรงงานหรืออุตสาหกรรมขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียวแต่ยังสามารถนำมาใช้กับบ้านเรือนได้ ทำให้หลายคนสนใจและหันมาใช้พลังงานโซลาร์เซลล์หรือพลังงานแสงอาทิตย์กันมากขึ้น เพราะมีข้อดีหลายอย่าง สำหรับใครที่สนใจแต่ยังเป็นกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหรือยังไม่แน่ใจว่าพลังงานโซลาร์เซลล์นั้นจะดีจริงไหม? วันนี้เราจะพาไปดูข้อดีของการติดโซลาร์เซลล์กัน

ประโยชน์ของการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ไว้ที่บ้าน ดีอย่างไร ช่วยประหยัดไฟได้จริงไหม?

· เป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมด แผงโซล่าเซลล์ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ เป็นพลังงานที่ไม่มีวันหมดไปและสามารถสร้างขึ้นใหม่ได้ตลอด จัดเป็นพลังงานทดแทนหรือพลังงานทางเลือกแทนการใช้พลังงานไฟฟ้า

· เป็นพลังงานที่ใช้ได้ฟรี ด้วยความที่เป็นพลังงานจากธรรมชาติจึงสามารถใช้งานได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียค่าไฟรายเดือน เสียเพียงค่าใช้จ่ายในการติดตั้งครั้งแรกเท่านั้น 

· ช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าลงได้ในระยะยาว เพราะเป็นพลังงานที่ใช้งานได้ฟรีจึงช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ในระยะยาว ไม่มีค่าบริการรายเดือน จ่ายครั้งเดียวก็ใช้งานต่อได้ยาว ๆ 

· เป็นพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โซลาร์เซลล์คือการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ใช้กระบวนจากธรรมชาติที่ไม่เป็นอันตรายต่อคน สัตว์ และสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังรวมถึงชั้นบรรยากาศของโลกด้วย จึงทำให้เป็นพลังงานที่สะอาดและดีต่อโลก ต่างจากการสร้างกระแสไฟฟ้าที่มีการก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศโลกและส่งผลเสียต่อคนและสัตว์

· สามารถติดตั้งได้ทุกที่ เพราะแสงอาทิตย์สามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่จึงสามารถติดตั้งได้ทุกที่ ไม่ว่าจะต้องการนำไปติดตั้งบนพื้นดิน หลังคาบ้านเรือน แหล่งน้ำ เขื่อน หรือทะเลก็สามารถทำได้

· ทนต่อสภาพอากาศ อุปกรณ์ติดตั้งเป็นอุปกรณ์ที่มีความทนทานสูง นอกจากจะทนต่อแสงแดดเป็นอย่างดีแล้ว ยังทนต่อน้ำและฝนด้วย 

· มีอายุการใช้งานหลายปี อายุการใช้งานโดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 10 – 25 ปี ซึ่งถือว่ามีอายุการใช้งานที่นานเลยทีเดียว หากเทียบกับค่าใช้ที่ต้องจ่ายในช่วง 10 – 25 ปีแล้วเชื่อว่าคุ้มกับค่าติดตั้งไม่น้อยเลย

เรื่องควรรู้ในการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์และการดูแลเพื่อให้มีประสิทธิภาพที่ดีอยู่เสมอ 

· ควรติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ การติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บางประเภทควรติดตั้งโดยผู้เชี่ยวชาญ เพราะต้องมีระบบที่ดีและปลอดภัยในการติดตั้ง แต่สำหรับโซลาร์เซลล์บางชนิดแล้วสามารถติดตั้งเองได้

· ติดตั้งในพื้นที่โล่งแจ้ง ไม่มีอะไรมาบัง ควรเลือกติดตั้งไว้ในบริเวณที่มีแสงแดดส่องถึงตลอดวันเพื่อรับพลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างเพียงพอ หากมีแสงแดดส่องถึงไม่เพียงพอก็จะทำให้ชาร์จพลังงานได้น้อยและมีอายุการใช้งานที่สั้นลง

· ติดตั้งให้พ้นจากสุนัข โดยธรรมชาติแล้วสุนัขเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างซุกซน การติดตั้งไว้ในระดับต่ำ เช่น พื้น อาจเสี่ยงต่อการที่สุนัขไปกัดสายไฟเล่นได้

· หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ ควรทำความสะอาดอย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้ง และไม่ควรปล่อยให้คราบสกปรกต่าง ๆ เลอะบนแผง เช่น ขี้นก คราบฝุ่น คราบน้ำมัน ฯลฯ เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการรับพลังงานแสงอาทิตย์ลดลงได้ อีกทั้งหากปล่อยไว้นาน ๆ ยังทำให้ทำความสะอาดออกยากด้วย

· ตรวจสอบสายไฟ แผงวงจร และอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อยู่เสมอ เพื่อป้องกันอุปกรณ์ชำรุดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น หนูกัดสายไฟ กระจกบนแผงวงจรแตก หรืออื่น ๆ 

จะเห็นว่าประโยชน์ของการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์นั้นมีไม่น้อยเลย เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการประหยัดพลังงานและอยากลดค่าใช้จ่ายลงในระยะยาว ช่วยให้มีไฟฟ้าใช้ในยามค่ำคืนโดยไม่ต้องเสียค่าไฟฟ้า โดยพลังงานโซลาร์เซลล์จะสามารถใช้ได้ประมาณ 7 – 8 ชั่วโมงต่อการชาร์จพลังงาน 1 ครั้ง เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นจะเริ่มชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ และจะเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หากใครสนใจก็สามารถติดตั้งไว้ใช้งานกันได้ ส่วนการเลือกซื้อควรเลือกชนิดที่เหมาะกับการใช้งานและมีกำลังการผลิตที่เพียงพอต่อการใช้งาน วัสดุและอุปกรณ์มีความทนทาน แข็งแรงและมีคุณภาพสูง ที่สำคัญควรมีการรับประกันเพื่อความมั่นใจตลอดการใช้งาน

สารพัดประโยชน์ของการติดตั้ง แผงโซล่าเซลล์ ดีอย่างไร ทำไมถึงเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

หม้อทอดไร้น้ำมัน

รวมสารพัดเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการใช้ หม้อทอดไร้น้ำมัน สิ่งไหนควร – ไม่ควรทำ มีเรื่องอะไรที่ควรรู้บ้าง?

ต้องยอมรับว่ากระแสของ หม้อทอดไร้น้ำมัน นั้นแรงดีไม่มีตกจริง ๆ เพราะยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอยู่เสมอในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้หลายคนเกิดความสับสนว่าจะซื้อมาใช้ดีไหม ใช้ทำอะไรได้บ้าง และมีวิธีการใช้งานอย่างไร วันนี้เราจึงรวมสารพัดเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหม้อทอดมาบอกกันเพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้นว่าควรซื้อมาใช้บ้างดีไหม?

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับหม้อทอดไร้น้ำมันและฟังก์ชันดี ๆ ในการใช้งาน

· มีให้เลือกทั้งแบบหมุนและแบบดิจิทัลหม้อทอดไร้น้ำมันมีให้เลือก 2 ระบบ ได้แก่ แบบหมุนใช้งาน และแบบดิจิทัล โดยแบบหมุนจะมีปุ่มสำหรับหมุนปรับอุณหภูมิและเวลา ส่วนแบบดิจิทัลจะทำงานด้วยระบบสัมผัส

· มีหลายขนาดให้เลือก ปัจจุบันนี้มีขนาดให้เลือกหลากหลายมากขึ้น โดยมีตั้งแต่ขนาด 1 ลิตร ไปจนถึงขนาดใหญ่ประมาณ 10 ลิตรกันเลยทีเดียว

· มีโปรแกรมทำอาหารให้อัตโนมัติ ใช้งานง่ายด้วยโปรแกรมทำอาหารอัตโนมัติ จะเมนูไหนก็สุกง่าย ทำได้ทุกเมนู

· มีระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อดึงหม้อทอดออก เมื่อดึงหม้อทอดออกเครื่องจะหยุดทำงาน และจะเริ่มทำงานใหม่เมื่อใส่หม้อกลับเข้าไปอีกครั้ง

· มีไฟแสดงสถานะการทำงาน ช่วยให้ทราบว่าเหลือเวลาการทำอาหารกี่นาที และโปรแกรมที่เลือกใช้ในปัจจุบัน

· มีเสียงแจ้งเตือนเมื่อทำอาหารเสร็จ เพื่อให้ทราบว่าขณะนี้เครื่องได้ทำอาหารเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

7 เคล็ดลับการใช้หม้อทอดไร้น้ำมันและข้อควรระวังในการใช้งาน ที่จะช่วยให้คุณใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น!

เคล็ดลับการใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน

1. ใช้ทำอาหารได้ทั้งเมนูคาวและหวาน เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวที่ออกแบบมาให้ใช้ทำอาหารได้ทั้งคาวและหวาน ไม่ว่าจะเป็นอุ่น ปิ้ง ย่าง หรืออบก็สามารถทำได้ อาทิ ไก่ย่าง หมูกรอบ กล้วยปิ้ง บราวนี่ เค้กกล้วยหอม ฯลฯ

2. เลือกขนาดหม้อทอดที่เหมาะสมกับการใช้งาน ควรเลือกหม้อที่มีความจุเหมาะสมกับการใช้งาน เช่น หากใช้ทำอาหารในปริมาณไม่มาก หรือทำอาหารสำหรับ 1 ที่ เหมาะสำหรับหม้อทอดขนาด 1 – 1.5 ลิตร แต่หากใช้ทำอาหารปริมาณมาก หรือสำหรับ 3 คนขึ้นไปเหมาะสำหรับหม้อทอดที่มีขนาด 3 ลิตรขึ้นไป เพื่อให้เพียงพอต่อปริมาณการทำอาหารในแต่ละครั้งและช่วยลดเวลาการทำอาหารลงได้

3. เลือกอุณหภูมิที่เหมาะสมกับอาหารแต่ละประเภท โดยส่วนมากแล้วแต่ละรุ่นจะออกแบบมาให้มีโปรแกรมการทำอาหารเมนูต่าง ๆ ไว้ให้อยู่แล้วเพื่อให้กดใช้งานได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องตั้งเวลาเอง

4. เปิดดูเพื่อความมั่นใจ ในระหว่างที่หม้อทอดทำงานแต่ไม่มั่นใจว่าอาหารจะเริ่มสุกหรือยังก็สามารถดึงหม้อออกเพื่อดูอาหารด้านในหรือพลิกกลับด้านและใส่หม้อกลับเข้าไปเพื่อทำงานต่อได้โดยไม่ต้องเริ่มทำงานใหม่

5. เปิดเทน้ำมันออกเพื่อป้องกันน้ำมันกระเด็น สำหรับอาหารที่มีน้ำมันมาก เช่น ขาหมู อาหารทอด กากหมู สามารถเปิดหม้อออกเพื่อน้ำมันออกก่อนได้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีน้ำมันมากเกินไปเพราะจะล้นขึ้นมาโดนอาหารบนตะแกรงได้

6. หมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ ไม่ควรทิ้งไว้ข้ามวันเพราะจะทำให้คราบอาหารติดแน่นและทำความสะอาดยาก อีกทั้งยังอาจส่งกลิ่นต่ออาหารที่นำเข้าไปทำใหม่ได้

ข้อควรระวังในการใช้งาน

· ไม่ควรนำวัสดุที่ติดไฟง่ายเข้าในหม้อทอด เช่น กระดาษ พลาสติก สังกะสี 

· ไม่ควรเทอาหารออกจากหม้อทอดโดยตรง เพราะจะทำให้ตะแกรงด้านล่างหล่นมาถูกผิวหนังได้ หรืออาจทำให้น้ำมันไหลมาลวกผิวหนังได้

· ไม่ใส่อาหารมากจนเกินไป ควรใส่อาหารในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป เพื่อให้อาหารสุกอย่างทั่วถึง

· ตั้งหม้อทอดให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซนติเมตร ควรตั้งไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวกเพื่อการระบายความร้อนที่ดีของหม้อทอด ช่วยให้ตัวหม้อไม่ร้อนจนเกินไป เนื่องจากตัวเครื่องส่วนใหญ่ผลิตจากพลาสติก

· ไม่ควรใช้วัสดุมีคมทำความสะอาดหม้อทอด เพราะจะทำให้เทฟลอนที่เคลือบผิวหม้อทอดหลุดล่อนและเป็นสนิมง่าย

ด้วยคุณสมบัติการใช้งานที่หลากหลายจึงทำให้หม้อทอดไร้น้ำมันยังคงกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวประจำบ้านของหลาย ๆ อยู่เสมอ เพราะใช้งานง่าย มีน้ำหนักเบา ทำอาหารได้หลากหลาย ทำได้ในปริมาณมาก และมีราคาที่จับต้องได้

หม้อทอดไร้น้ำมัน เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ขาดไม่ได้ในครัว