นมแพะ

ประโยชน์ของ นมแพะ ที่คุณอาจยังไม่รู้ ดีอย่างไร ทานได้จริงหรือ?

เมื่อพูดถึง นมแพะ แล้วหลายคนอาจยังไม่ค่อยคุ้นเคยกันสักเท่าไหร่ เพราะจะคุ้นชินกับนมวัวกันซะมากกว่า แต่สำหรับเด็กหรือคนที่มีอาการแพ้นมวัวแล้ว นมแพะถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพราะเป็นนมที่มีสารอาหารที่ดีต่อร่างกายหลายอย่าง เป็นนมที่ได้จากแพะโดยผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยการใช้ความร้อน สามารถดื่มได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังรวมถึงการใช้เลี้ยงลูกสัตว์เลี้ยงอย่าง ลูกสุนัขหรือลูกแมวได้ด้วย

ประเภทของนมแพะและความแตกต่าง

· นมแพะชนิดผง เป็นนมสำหรับชงดื่มโดยผ่านกระบวนการแปรรูป เป็นชนิดที่ทานได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดขึ้นไป เพราะเด็กวัยนี้จะมีปัญหาเรื่องระบบการย่อยอาหาร มีหลายสูตรให้เลือกตามช่วงวัยเพื่อให้เด็กแต่ละช่วงวัยได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย นอกจากนี้นมแพะชนิดผงยังสามารถใช้ชงเพื่อเลี้ยงลูกสุนัขหรือลูกแมว เพราะการให้สุนัขหรือแมวทานนมวัวจะทำให้ท้องอืดและมีปัญหาเรื่องระบบการย่อยอาหารได้เช่นเดียวกัน

· นมแพะสเตอริไลซ์ คือนมแพะสด 100% ที่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนที่ไม่ต่ำกว่า 100 องศาเซลเซียส เพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นตัวสำคัญในการก่อให้เกิดโรคในทางเดินอาหาร และช่วยให้นมมีอายุอยู่ได้นานขึ้นโดยไม่บูดง่าย ข้อดีของนมสเตอริไลซ์คือ ช่วยให้นมมีอายุอยู่ได้นานโดยไม่ต้องนำไปแช่ตู้เย็น และยังเป็นกรรมวิธีที่ช่วยรักษาคุณภาพและสารอาหารของนมให้คงอยู่ด้วย

· นมแพะ UHT คือนมที่ผ่านกรรมวิธีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูงกว่า 130 – 140 องศาเซลเซียสเพื่อฆ่าเชื้อโรคและเชื้อจุลินทรีย์เพื่อเก็บรักษาสี กลิ่น และรสชาติของนมเอาไว้ให้คงเดิมได้มากที่สุด แต่คงคุณค่าของสารอาหารได้ไม่มากเท่าการสเตอริไลซ์ นม UHT จะเก็บได้นานประมาณ 6 – 8 เดือน โดยไม่ต้องแช่เย็น แต่ควรอยู่ในอุณหภูมิห้อง เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 1 ปีขึ้นไป นม UHT จะผลิตมาเป็นกล่องเพื่อให้ดื่มง่าย

รวมสารพัดประโยชน์ของ นมแพะ ที่ควรรู้

· ช่วยให้ย่อยง่าย ในนมแพะ มีโปรตีน A2 beta-casein ที่มีโครงสร้างคล้ายกับนมแม่ จึงทำให้ร่างกายย่อยได้เร็ว และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการท้องอืดได้

· ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้เร็ว โดยใช้เวลาเพียงแค่ประมาณ 20 นาทีในการซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้เร็ว

· มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด ได้แก่ โปรตีน แคลเซียม แร่ธาตุ มีวิตามิน B1, B2, B3, B6, B12 และวิตามิน D วิตามิน E วิตามิน K

· ช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันและป้องกันการติดเชื้อในทางเดินอาหาร มีสาร Oligosaccharides ที่ช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้นและช่วยป้องกันการติดเชื้อในทางเดินอาหาร และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

· ช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง

· ช่วยบำรุงสายตา

ข้อควรระวังในการรับประทานนมแพะ 

· ผู้ที่แพ้น้ำตาลแลคโตส (Lactose) หรือแพ้นมวัวควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพราะผู้ที่แพ้นมวัวก็สามารถแพ้นมแพะ ได้เช่นกัน

· ควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้เด็กและทารกดื่ม เพราะนมแต่ละประเภทผลิตออกมาให้เหมาะกับเด็กในช่วงวัยที่ต่างกัน หากดื่มเข้าไปแล้วเกิดอาการแพ้อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ไม่ดี หรือทำให้เกิดภาวะโลหิตจางได้

· ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ ควรดื่มในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวัน ไม่ควรดื่มมากจนเกินไป

· ควรดื่มนมแพะที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อแล้วเท่านั้น ไม่ควรดื่มนมแพะสดที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อด้วยความร้อน เพราะจะทำให้เชื้อแบคทีเรียในนมแพะเกิดการเจริญเติบโต และส่งผลต่อระบบการย่อยอาหารหรือติดเชื้อได้

· ควรเลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน GMP หรือเครื่องหมาย อย. จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อให้มั่นใจว่ามีการผลิตอย่างได้มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย และสามารถดื่มได้โดยไม่เกิดอันตราย

นมแพะเป็นนมที่มีวิตามินและแร่ธาตุใกล้เคียงกับนมวัว มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด แต่ดูดซึมและช่วยย่อยได้เร็วกว่า เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับผู้ที่มีนมวัว แพ้น้ำตาลแลคโตส หรือแพ้น้ำเหลืองของนมวัว ก็สามารถหันมาทานนมแพะแทนได้ ปัจจุบันนี้มีให้เลือกหลายแบบ หาซื้อง่าย ทานง่าย มีให้เลือกหลายรสชาติ มีทั้งนมแพะ !00% ชนิดที่ผสมนมชนิดอื่น และชนิดที่นำส่วนผสมอื่น ๆ มาผสมด้วย

นมแพะ

เครื่องคิดเลข

รู้หรือไม่? ปุ่มต่าง ๆ บน เครื่องคิดเลข นั้นคืออะไร มีประโยชน์ในการใช้งานอย่างไร?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เครื่องคิดเลข นั้นเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น เพราะเป็นเครื่องมือคิดเลขและคำนวณค่าต่าง ๆ ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่วัยเรียนไปจนถึงวัยทำงานในหลากหลายสาขาอาชีพ แต่ทราบหรือไม่ว่ามีแบบไหนบ้าง? และฟังก์ชันต่าง ๆ บนตัวเครื่องนั้นมีประโยชน์อย่างไร วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกัน!

ความแตกต่างของ เครื่องคิดเลข แต่ละประเภท เหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหน?

· เครื่องคิดเลขแบบธรรมดา เป็นเครื่องคิดเลขที่นิยมใช้ทั่วไป เป็นประเภทที่ออกแบบมาให้ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับใช้คิดเลขทั่วไป เช่น ใช้บวก ลบ คูณ หาร หรือใช้คิดเงินสำหรับการค้าขาย ส่วนมากแล้วจะมีตัวเลข 10 หลักขึ้นไป โดยที่นิยมคือ แบบ 12 หลัก

· เครื่องคิดเลขสำนักงาน เป็นประเภทที่เน้นฟังก์ชันการคำนวณภาษีและฟังก์ชันการคำนวณแบบ H/M/S เพื่อใช้ในสำนักงาน มีฟังก์ชัน TAX-, TAX+ ที่ช่วยในการคำนวณภาษีโดยเฉพาะ ช่วยให้คำนวณภาษีได้ง่ายขึ้น เหมาะกับงานสำนักงานหรืองานด้านบัญชี

· เครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์ เป็นประเภทที่มีดีไซน์แตกต่างจากแบบอื่น ปุ่มฟังก์ชันจะเยอะกว่าและหน้าจอแสดงผลจะกว้างกว่า แสดงผลได้หลายบรรทัด ใช้สำหรับการคำนวณหาค่าต่าง ๆ เช่น อนุพันธ์ ตรีโกณมิติ กราฟ, พีชคณิต, ไฮเปอร์โบลา, วงกลม, แคลคูลัส ฯลฯ เหมาะสำหรับสายงานด้านคณิตศาสตร์, วิทยาศาสตร์, บัญชี, เศรษฐศาสตร์ และบริหาร

รู้จักฟังก์ชันพื้นฐานบนเครื่องคิดเลข มีประโยชน์อย่างไร ใช้งานแบบไหน?

· M+ เป็นปุ่ม Memory บนเครื่องคิดเลขที่ทำหน้าที่บันทึกตัวเลขและหาค่าขึ้นไปเป็นก้อน ๆ เพื่อหาค่ารวมทั้งหมด เช่น 1,500 x 5 และกดฟังก์ชัน M+ เพื่อให้ได้คำตอบและกดหาค่าต่อไป เช่น 800 x 4 แล้วกด M+ เพื่อหาค่ารวมของก้อนนั้น

· M- จะมีการใช้งานคล้าย ๆ กันแต่จะเปลี่ยนจากการบวกเป็นลบ คือการเพิ่มตัวเลขเข้าไปเพื่อลบค่าออกจากก้อนเดิมที่ได้บันทึกไว้

· MR ย่อมาจาก Memory Result เป็นฟังก์ชันที่ใช้คำนวณก้อนตัวเลขทุกก้อนที่กดบันทึกลงไป

· MC ย่อมาจาก Memory Clear เป็นฟังก์ชันที่ใช้ล้างข้อมูลตัวเลขทั้งหมดที่ได้บันทึกเอาไว้

· AC ย่อมาจาก All Clear เป็นฟังก์ชันที่ใช้ลบตัวเลขทั้งหมดบนจอแสดงผล แต่ไม่ได้ลบจาก Memory

· C ย่อมาจาก Clear ใช้สำหรับลบตัวเลขก้อนที่พิมพ์ลงไปล่าสุด ซึ่งจะไม่ได้ลบแค่ตัวเดียว แต่จะลบออกไปหมดทั้งหมด

· CE ย่อมาจาก Clear Entry ใช้สำหรับลบตัวเลขที่พิมพ์ผิดในขณะนั้น โดยจะลบแค่ตัวเลขที่เป็นค่าล่าสุด

· GT ย่อมาจาก Grand Total เป็นฟังก์ชันที่ใช้รวมผลลัพธ์ทั้งหมดที่ได้กดบันทึกลงไป

เคล็ดลับการเลือกซื้อ เครื่องคิดเลข ควรเลือกจากอะไรบ้าง?

· เลือกประเภทที่เหมาะกับการใช้งาน ก่อนอื่นควรทราบก่อนว่าเราต้องการเครื่องคิดเลขไปใช้สำหรับทำอะไร หากต้องการใช้งานทั่วไป เครื่องคิดเลข 12 หลักแบบธรรมดาก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานแล้ว 

· เลือกจากฟังก์ชันการใช้งาน เพราะแต่ละประเภทมีฟังก์ชันที่ไม่เหมือนกัน จึงควรเลือกรุ่นที่มีฟังก์ชันตรงกับการใช้งานเป็นหลัก เช่น ฟังก์ชัน TAX-, TAX+ ในเครื่องคิดเลขแบบสำนักงาน เพื่อใช้สำหรับคำนวณภาษี

· เลือกจำนวนตัวเลขที่แสดง จำนวนตัวเลขที่แสดงบนหน้าจอนั้นมีตั้งแต่ 10 หลักไปจนถึง 18 หลัก หากต้องการใช้สำหรับการคำนวณตัวเลขที่มีค่าสูงควรเลือกรุ่นที่รองรับได้ 14 – 18 หลัก เพื่อง่ายต่อการคำนวณ

· เลือกจากขนาดและน้ำหนัก เพราะมีผลต่อการใช้งานโดยตรง ที่หากขนาดใหญ่จนเกินไปก็จะทำให้พกพาไม่สะดวก 

· เลือกจากระบบการทำงาน หลัก ๆ แล้วจะแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ แบบใช้ถ่านหรือแบตเตอรี่ แบบใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และแบบที่ใช้งานได้ทั้งถ่านและพลังงานแสงอาทิตย์

· เลือกจากคุณสมบัติและการออกแบบ เช่น เลือกรุ่นที่มียางรองกันลื่น เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ตัวเครื่องลื่นไหลไปมาขณะใช้งาน เลือกรุ่นที่ดีไซน์จอแสดงผลแบบเอียง เพื่อง่ายต่อการดูและช่วยป้องกันแสงสะท้อนได้ดี

และนี่คือเรื่องราวน่ารู้ดี ๆ เกี่ยวกับเครื่องคิดเลขที่เรานำมาฝากกัน จะเห็นว่าเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ไม่น้อยหากใช้งานอย่างถูกวิธี หากใครที่ยังไม่เคยลองใช้งานฟังก์ชันต่าง ๆ ก็สามารถลองกดใช้กันดูได้ เพราะจะช่วยให้คุณคิดเลขและหาค่าต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้นเยอะเลย แถมยังเป็นเครื่องมือที่มีราคาไม่แพงและหาซื้อง่ายด้วย

เครื่องคิดเลข

วิปปิ้งครีม

วิปปิ้งครีม แต่ละแบบต่างกันอย่างไร แบบไหนที่เหมาะสำหรับการใช้งานของคุณ?

วิปปิ้งครีม เป็นวัตถุดิบสำคัญที่ใช้ในการทำอาหารและเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่เรามักจะได้เห็นเนื้อครีมสีขาวเนียนสวยน่ารับประทานตกแต่งมาด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นเพียงแค่ของตกแต่งเท่านั้นเพราะด้วยกลิ่นหอม ๆ และรสชาติที่นุ่มละมุนแล้วทำให้หลายคนติดใจและอยากจะทานเป็นอันดับแรกของการเสิร์ฟเลย วันนี้เราจึงจะพาไปทำความรู้จักกันว่าวิปปิ้งครีมที่เราทานกันนั้น แต่ละแบบเรียกว่าอย่างไร และทำไมแต่ละร้านถึงมีรสชาติที่ไม่เหมือนกัน?

วิปปิ้งครีมแต่ละประเภทต่างกันอย่างไร เหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหน?

· Dairy Whipping Cream เป็น วิปปิ้งครีม ที่มีรสชาติอร่อยกลมกล่อมและมีกลิ่นหอมแบบเป็นธรรมชาติ เพราะผลิตจากไขมันนมหรือไขมันเนย มีส่วนผสมหลักเป็นไขมันนม จุดเด่นคือ มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุน มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน ให้สีขาวออกนวล เหมาะสำหรับใช้ตกแต่งหน้าเค้ก ทำเค้กนมสด หรือทำไส้ขนมต่าง ๆ 

· Semi-Dairy Whipping Cream ผลิตจากไขมันนมและไขมันพืช โดยจะใช้ไขมันนมประมาณ 10% และใช้ไขมันจากพืช 30% ทำให้ออกมามีความหวานมัน นิยมใช้ทำเบเกอรี่ต่าง ๆ 

· Non-dairy Whipping Cream เป็นวิปครีมที่ผลิตจากไขมันพืช 100% เนื้อจะมีความมันมากกว่าแบบอื่น นิยมใช้เป็นท็อปปิ้งตกแต่งหน้าเค้กหรือเบเกอรี่

วิปครีม ที่วางขายในท้องตลาดมีกี่แบบ ใช้งานอย่างไร?

· ชนิดน้ำ เป็นวิปครีมแบบน้ำที่บรรจุอยู่ในกล่อง เมื่อต้องการใช้งานจะต้องนำไปตีเพื่อให้ได้เนื้อที่ขึ้นรูปก่อนจึงจะสามารถนำไปใช้ได้ ข้อดีของวิปครีมประเภทนี้คือ สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย นำไปใช้เป็นส่วนผสมของเค้กหรือเบเกอรี่ก็ได้ หรือจะทำมาตกแต่งเป็นท็อปปิ้งบนอาหารหรือเครื่องดื่มก็ได้ ส่วนมากแล้วจะนิยมใช้เป็นประเภท Dairy Whipping Cream เพราะมีรสชาติที่อร่อยกลมกล่อมและมีกลิ่นที่หอมมากกว่าประเภทอื่น  

· ชนิดสำเร็จรูป เป็นแบบขวดกด นิยมใช้สำหรับตกแต่งบนหน้าอาหาร เครื่องดื่ม เค้กหรือเบเกอรี่ ข้อดีคือ มีความสะดวก รวดเร็ว สามารถกดใช้งานได้โดยไม่ต้องนำมาตีก่อน แต่จะไม่สามารถปรุงรสชาติเข้าไปเพิ่มได้

วิปปิ้งครีม ใช้ทำอะไรได้บ้าง?

· อาหาร หลายคนคิดว่าวิปครีม สามารถใช้ทำของหวานหรือเครื่องดื่มได้เพียงอย่างเดียว แต่ความจริงแล้วก็สามารถใช้ทำอาหารคาวได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งการนำไปทำอาหารจะไม่ใช้แบบสำเร็จรูปแต่จะใช้แบบน้ำ นำไปทำเป็นส่วนผสมของอาหารเมนูต่าง ๆ เช่น ใช้เป็นส่วนผสมในเมนูพาสต้าซอสครีม หรือใครที่ชอบทานซุปก็สามารถใช้ทำซุปครีมได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นส่วนผสมที่นิยมใช้ทำอาหารคาวในประเทศอินเดียโดยการนำมาใช้ทำแกงต่าง ๆ 

· เค้ก เบเกอรี่ เรียกว่าวิปปิ้งครีมเป็นวัตถุดิบหลัก ๆ ในการทำเค้กหรือเบเกอรี่เลยก็เลยว่าได้ เพราะนิยมใช้ในหลาย ๆ เมนูเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติและกลิ่นหอม อีกทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนด้วย โดย Dairy Whipping Cream นิยมใช้ทำเป็นส่วนผสมเพราะเนื้อครีมจะละลายเร็วกว่าแบบอื่น เซ็ตตัวได้ไม่นาน ส่วนแบบ Semi-Dairy Whipping Cream และแบบ Non-dairy Whipping Cream จะนิยมใช้ตกแต่งหน้าเค้กหรือเบเกอรี่ เพราะอยู่ตัวได้ดีในสภาพอากาศร้อน

· เครื่องดื่ม นิยมใช้เป็นแบบสำเร็จรูปในการตกแต่งหน้าเครื่องดื่ม เพราะออกแบบมาให้กดใช้งานง่าย มีความสวยงาม คงตัวได้ดี สามารถขึ้นรูปได้สวยโดยไม่เสียทรงง่าย นิยมในเครื่องดื่มเมนูปั่นและเย็น นอกจากนี้ยังนิยมใช้ตกแต่งบนของหวานอย่าง บิงซูและไอศกรีมด้วย

สำหรับใครที่ชอบทาน วิปครีม ก็คงจะเข้าใจกันมากขึ้นแล้วว่าทำไมวิปปิ้งครีมของแต่ละร้านนั้นมีรสชาติและกลิ่นที่ไม่เหมือนกัน บางร้านอาจมีกลิ่นหอมหวานของนม เมื่อทานเข้าไปแล้วนุ่มละมุนลิ้นเหมือนมีไขมันนมเคลือบอยู่ในปาก ทำให้รู้สึกอร่อย แต่บางร้านอาจเลือกใช้แบบไขมันพืช หรือแบบที่เป็นไขมันนมผสมไขมันพืชแทน เพราะมีราคาที่ไม่สูง ส่วนใครที่ชอบทำขนมและอยากเพิ่มความหอมของนมและความละมุนก็สามารถเลือกซื้อสูตรต่าง ๆ ไปลองใช้กันได้ หาซื้อง่ายตามร้านขายเบเกอรี่หรือห้างสรรพสินค้าทั่วไป มีให้เลือกหลายสูตรหลายยี่ห้อ ส่วนการเก็บรักษาควรเก็บไว้ในตู้เย็นเท่านั้น และหลังจากเปิดใช้แล้วควรใช้ให้หมดใน 1 – 3 วัน

หน้าต่างแบบบานเลื่อน

ประโยชน์ของการติดตั้ง หน้าต่างแบบบานเลื่อน และประเภทใช้งาน แบบไหนที่เหมาะสำหรับบ้านคุณ?

หน้าต่างแบบบานเลื่อน เป็นชนิดที่นิยมในปัจจุบัน โดยเฉพาะบ้านหรือคอนโดที่มีพื้นที่จำกัด เป็นหน้าต่างที่มีความสวยงามและมีประโยชน์หลายอย่าง เพราะหน้าต่างเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของบ้านและมีประโยชน์ต่อการอยู่อาศัย การเลือกติดตั้งหน้าต่างจึงควรเลือกใช้เหมาะกับตัวบ้านและคำนึงถึงประโยชน์การใช้งานด้วย สำหรับใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าควรเลือกหน้าต่างแบบไหนดี เราก็มีประโยชน์ของหน้าต่างบานเลื่อนมาบอกกัน เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

ประเภทของหน้าต่างบานเลื่อนวัสดุแต่ละประเภทต่างกันอย่างไร?

· หน้าต่างบานกระจก เป็นชนิดที่นิยมใช้ เพราะให้ความสว่างได้ดีกว่าประเภทอื่น เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการแสงสว่างมาก เช่น ห้องครัว ห้องทำงาน เหมาะสำหรับการติดตั้งไว้ในห้องที่อยู่ทางทิศตะวันออก เพื่อรับแสงแดดในยามเช้า แต่หากเป็นห้องที่อยู่ทางทิศตะวันตก แนะนำว่าให้ติดผ้าม่านโปร่งแสงหรือม่านทึบเพื่อช่วยป้องกันแสงแดดและช่วยพรางสายตา

· หน้าต่างบานเลื่อนไวนิลหรือยูพีวีซี เป็นหน้าต่างกระจกประเภทที่นิยมใช้เช่นกัน วัสดุมีความทนทานสูง มีน้ำหนักเบา และทนต่อสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับบ้านที่เป็นทาวน์เฮาส์หรืออยู่ติด ๆ กัน เพราะเป็นวัสดุที่ไม่นำไฟ จึงช่วยป้องกันไฟลุกลามได้

· หน้าต่างบานเลื่อนอะลูมิเนียม เป็นวัสดุที่มีความทนทานสูงและเป็นที่นิยม เพราะไม่เป็นสนิมง่าย ช่วยป้องกันการเกิดความชื้นและปัญหาการรั่วซึมต่าง ๆ

· หน้าต่างบานเลื่อนไม้ เป็นหน้าต่างสไตล์คลาสสิกที่ผลิตจากไม้แท้หรือไม้เทียมเพื่อความสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ แต่ด้วยความที่ไม้เป็นวัสดุจากธรรมชาติจึงทำให้มีปัญหาในการรั่วซึมจากการผุกร่อนได้ง่าย อีกทั้งยังเป็นวัสดุนำไฟด้วย

ลักษณะของ หน้าต่างแบบบานเลื่อน แบบไหนที่เหมาะสำหรับการใช้งานของคุณ?

· หน้าต่างบานเลื่อนเดี่ยว เป็นหน้าต่างบานเลื่อนที่จะติดต้ังคู่กัน 2 บาน แต่จะสามารถเลื่อนได้แค่เพียงบานเดียวเท่านั้น เหมาะสำหรับหน้าต่างบานกว้าง หรือบ้านที่ต้องการรับลม ช่วยให้ลมเข้าได้ดี

· หน้าต่างบานเลื่อนสลับ จะมีลักษณะคล้ายกับแบบบานเลื่อนเดี่ยว คือติดตั้ง 2 บาน แต่สามารถเลื่อนสลับกันได้ทั้ง 2 บาน จะเลือกเปิดข้างใดข้างหนึ่งหรือเปิดพร้อมกันก็ได้ แต่ความกว้างจะลดลง

· หน้าต่างบานเลื่อนข้างแบบช่องแสงกลาง เป็นหน้าต่างที่มี 3 บาน แต่จะเลื่อนใช้งานได้เพียงบานซ้ายและบานขวาเท่านั้น บานกลางไม่สามารถเลื่อนได้ เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดใหญ่

· หน้าต่างบานเลื่อนออกข้างคู่ เป็นหน้าต่างที่มี 4 บาน แต่บานที่เลื่อนเปิด – ปิดได้ จะเป็นบานที่อยู่ตรงกลางทั้ง 2 บาน โดยใช้เลื่อนออกไปทางด้านข้าง ข้อดีคือ สามารถรับลมได้ดี เพราะให้ช่องที่กว้าง แต่ก็จะใช้พื้นที่ติดตั้งเยอะด้วยเช่นกัน

ประโยชน์ของหน้าต่างบานเลื่อนที่มีดีมากกว่าแค่ความสวยงาม!

· ดีไซน์สวยงาม จุดเด่นของหน้าต่างบานเลื่อน คือ การใช้กระจกเป็นวัสดุหลัก และใช้วัสดุอื่นในการทำบานเลื่อน จึงเป็นหน้าต่างที่มีความสวยงาม และตกแต่งเข้ากับบ้านได้หลายสไตล์ หรือจะตกแต่งเพิ่มเติมด้วยมู่ลี่หรือม่านก็ได้

· ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยเมื่อเทียบกับหน้าต่างประเภทอื่น เพราะเป็นการติดตั้งเข้ากับผนังโดยไม่มีส่วนใดยื่นออกมากินพื้นที่ด้านนอก

· ช่วยให้บ้านปลอดโปร่งรับแสงแดดได้ดี ด้วยความที่เป็นกระจกแสงจึงสามารถลอดผ่านได้ง่าย ทำให้ห้องดูสว่างและโล่งโปร่ง ไม่มืดทึบหรือแออัด 

· ช่วยระบายอากาศ บานหน้าต่างออกแบบมาให้เลื่อนเปิด – ปิดง่าย จึงช่วยระบายอากาศได้เป็นอย่างดี

· ใช้งานง่าย เพียงแค่เลื่อนเปิด – ปิดก็ใช้งานได้แล้ว ไม่ต้องออกแรงเยอะ

· ทำความสะอาดง่าย กระจกเช็ดทำความสะอาดง่ายเพียงแค่ใช้น้ำยาสำหรับเช็ดกระจก เช็ดฝุ่นหรือคราบสกปรกต่าง ๆ ก็หลุดออกแล้ว ส่วนรางบานเลื่อนใช้แปรงปัดทำความสะอาดออกได้

· ช่วยลดเสียงรบกวน ขอบรางเลื่อนที่ผลิตจากวัสดุต่าง ๆ จะมีคุณสมบัติที่คล้ายกันคือ ช่วยป้องกันการรั่วซึมและความชื้นที่จะเข้าตามขอบ จึงมีการติดตั้งอย่างแน่นหนา และสามารถช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้

สำหรับใครที่จะติดตั้งหน้าต่างบานเลื่อนก็สามารถเลือกประเภทที่เหมาะกับการเปิด – ปิดใช้งานของตัวเองได้ เป็นหน้าต่างที่มีความสวยงามและทนทาน ใช้ติดตั้งได้กับห้องทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องครัว ห้องนั่งเล่น หรือห้องน้ำ

หน้าต่างแบบบานเลื่อน

บันได

เรื่องน่ารู้ในการเลือกซื้อ บันได แต่ละประเภทเหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหน?

สำหรับคนทั่วไปแล้ว การจะเลือกซื้อ บันได สักอันหนึ่งคงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย เพราะเป็นอุปกรณ์ช่างที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้งาน หากเลือกใช้งานไม่ถูกวิธีอาจทำให้เกิดอันตรายขึ้นได้ ในการเลือกซื้อก็เช่นเดียวกันที่ควรเลือกคุณสมบัติให้ตรงกับการใช้งานเพื่อความสะดวกในการหยิบใช้และเพื่อความปลอดภัยตลอดการใช้งาน

ความแตกต่างของ บันได แต่ละประเภท

· บันไดอเนกประสงค์ เป็นบันไดที่ออกแบบมาสำหรับใช้งานทั่วไป เลือกใช้งานได้แบบอเนกประสงค์ เหมาะสำหรับการใช้งานตามบ้าน เช่น การใช้หยิบของ เปลี่ยนหลอดไฟ เปลี่ยนถ่านนาฬิกา ทำความสะอาดเพดาน หรืออื่น ๆ เป็นประเภทที่สามารถปรับใช้งานได้หลายรูปทรง

· บันไดทรง A เป็นแบบกางพับได้ที่มีลักษณะคล้ายกับรูปทรงตัว A เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ออกแบบมาให้มีขนาดไม่สูงมาก ข้อดีคือ สามารถกระจายการรับน้ำหนักได้ดี

· บันไดยืดหดได้ เป็นบันได 2 ขาที่ออกแบบมาให้ยืดหดได้ สามารถปรับความสูงได้ตามต้องการ บางรุ่นมีความสูงถึง 3.4 เมตร มีล็อกเพื่อความปลอดภัยในทุกขั้น เป็นประเภทที่เหมาะสำหรับงานช่างหรือมืออาชีพที่ต้องปีนขึ้นไปในที่สูง 

· บันไดพับได้ เป็นประเภทที่นิยมใช้งานตามบ้าน เพราะช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บได้ดี เมื่อใช้งานเสร็จแล้วก็พับเก็บได้

สิ่งที่ควรรู้ในการเลือกซื้อบันไดแบบไหนที่ตรงกับการใช้งาน?

· เลือกวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน ควรเลือกบันไดที่มีโครงสร้างที่แข็งแรง ผลิตจากวัสดุคุณภาพดี เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม สแตนเลส

· ความสูงในการใช้งาน ก่อนอื่นควรทราบก่อนว่าต้องการนำไปใช้สำหรับทำอะไร เช่น ใช้สำหรับงานช่างหรืองานก่อสร้าง ควรเลือกบันไดที่รองรับความสูงได้หลายเมตร เช่น สูง 10 เมตร, สูง 3 เมตร 

· น้ำหนักที่รองรับได้ โดยส่วนมากแล้วบันไดจะสามารถรองรับน้ำหนักได้ประมาณ 150 กิโลกรัม แต่ก็มีบางรุ่นที่ออกแบบมาให้รองรับน้ำหนักได้สูงถึง 200 กิโลกรัม

· ความกว้างของแผ่นบันได เป็นบริเวณที่ใช้เหยียบ แผ่นบันไดควรมีขนาดที่เหยียบได้พอดีเท้า ไม่เล็กหรือแคบจนเกินไป และควรมีแถบกันลื่น เพื่อป้องกันการลื่นตกลงมาด้วย

· มีตัวล็อกเมื่อกางบันไดออก เพื่อป้องกันบันไดพับกลับเข้าหากันหรือเลื่อนหดลงมา เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ 

· พับเก็บได้ บันไดหลายรุ่นออกแบบมาให้พับเก็บได้เพื่อความสะดวกในการใช้งาน เช่น บันไดอลูมิเนียม

· ยางกันลื่น ที่ขาบันไดด้านล่างควรมีการติดตั้งยางกันลื่นมาให้ด้วย เพื่อป้องกันบันไดเลื่อนไปมาขณะใช้งาน โดยเฉพาะบนพื้นที่ลื่น เพราะจะทำให้ตกลงมาจนเกิดอุบัติเหตุได้

· มีที่จับพยุงตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ตกหล่นลงมา โดยจะช่วยพยุงในช่วงขาหรือหลังเมื่อขึ้นไปในที่สูง หรือใช้เป็นที่จับได้

· ฟังก์ชันเสริม เช่น ล้อสำหรับใช้เป็นรถเข็น บางรุ่นออกแบบขาบันไดมาให้เป็นล้อสำหรับเลื่อนใช้งานได้ เช่น การใช้ในการจัดเรียงสินค้า ที่ไม่ต้องขึ้น ๆ ลง ๆ เพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง แต่สามารถให้เพื่อนร่วมงานช่วยเข็นเลื่อนตำแหน่งได้ เป็นฟังก์ชันที่ช่วยประหยัดเวลาในการทำงานได้ดี ล้อออกแบบมาให้พับเก็บได้เพื่อใช้งานแบบไม่มีล้อ นอกจากนี้บางรุ่นยังออกแบบมาพร้อมกับถาดใส่อุปกรณ์ด้านบน เพื่อให้หยิบจับเครื่องมือได้อย่างสะดวก ไม่ต้องลงมาหยิบเอง 

ข้อควรระวังในการใช้ บันได ใช้อย่างไรให้ปลอดภัย?

· เลือกใช้บันไดให้ถูกประเภท

· ตั้งบนพื้นรีบเสมอกัน

· ไม่ขึ้นพร้อมกันหลายคน

· ไม่ขึ้นขณะที่เท้าเปียก

· ไม่ควรเอี้ยวตัวหรือเอื้อมไปหยิบของขณะที่อยู่บนบันได เพราะจะทำให้น้ำหนักถ่ายเทไปทางใดทางหนึ่งและตกลงมาได้

· กางบันไดออกให้ตัวล็อกทำงานก่อนเริ่มใช้ทุกครั้ง

· ไม่ขึ้นไปนั่งเล่นโดยไม่จำเป็น

· ไม่ควรนำบันไดที่ชำรุดมาใช้

· ควรใช้งานด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ

บันไดเป็นอุปกรณ์ช่างประจำบ้านที่หลายคนมีติดบ้านไว้ เพราะเป็นอุปกรณ์ที่มีการหยิบมาใช้ในหลาย ๆ โอกาส หากใครที่ต้องการซื้อติดบ้านควรเลือกรุ่นที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานการผลิตและมีเครื่องหมาย มอก. เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานและอายุการใช้งานที่นานขึ้น ส่วนการเก็บรักษาควรเก็บไว้ในแนวนอนเพื่อป้องกันบันไดหล่นลงมาทับจนทำให้เกิดอันตรายได้

บันได

ไฟฉาย

รู้จักประเภทของ ไฟฉาย และการใช้งาน แบบไหนที่เหมาะสำหรับสายเดินป่า แคมป์ปิ้ง?

ไฟฉาย เป็นอุปกรณ์ให้ความแสงสว่างที่มีความจำเป็นในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านการใช้งานทั่วไป การท่องเที่ยว และการใช้ในการทำงานบางประเภท นอกจากนี้ยังเป็นอุปกรณ์ช่วยเหลือและอุปกรณ์ขอความช่วยเหลือได้ด้วย เป็นของที่นิยมมีติดบ้านไว้เพื่อใช้งาน แต่ทราบหรือไม่ว่าไฟฉายที่วางขายในท้องตลาดนั้นมีให้เลือกหลายประเภท โดยแต่ละประเภทจะมีประโยชน์การใช้งานที่ต่างกัน วันนี้เราจึงจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักไฟฉายแต่ละประเภทกันว่าเหมาะสำหรับการใช้งาน และสายเดินป่า แคมป์ปิ้งควรเลือกใช้แบบไหนดี?

รูู้หรือไม่ ไฟฉาย แต่ละประเภทต่างกันอย่างไร?

· ไฟฉายพกพา เป็นไฟฉายที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด น้ำหนักเบา ออกแบบมาให้ง่ายต่อการพกพา เป็นชนิดที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป เช่น การส่องหาของ ใช้งานได้หลายฟังก์ชัน แต่จะให้ความสว่างได้ไม่มาก ส่วนมากแล้วจะออกแบบมาให้มีห่วงสำหรับห้อยพวงกุญแจ หรือขาไว้สำหรับหนีบติดกับกระเป๋า

· ไฟฉาย LED เป็นประเภทที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เพราะมีความทนทานสูง ใช้พลังงานต่ำ แต่ให้ความสว่างได้มากกว่าหลอดชนิดอื่นและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สามารถใช้งานได้นานถึง 50,000 ชั่วโมงเลยทีเดียว

· ไฟฉายคาดศีรษะ เป็นประเภทที่สายเดินป่าหรือสายแคมป์ปิ้งควรพกติดตัวไว้ ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายแบบคาดศีรษะ สายปรับระดับได้ตามความต้อง ให้ความสว่างได้หลายระดับ ใช้สำหรับคาดศีรษะเพื่อเดินป่าหรือไปเข้าห้องน้ำในช่วงกลางคืน โดยไม่ต้องใช้มือจับตลอดเวลา สามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้

· ไฟฉายแรงสูง เป็นชนิดที่นิยมใช้สำหรับการเดินป่าหรือแคมป์ปิ้งเช่นกัน เพราะเป็นประเภทที่ให้ความสว่างได้สูงและมีลำแสงที่ไกล บางรุ่นออกแบบมาให้มีความสว่างมากถึง 25,000 ลูเมน และลำแสงส่องได้ไกล 1,000 เมตร แถมยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานถึง 50,000 ชั่วโมง

การเลือกซื้อไฟควรดูที่อะไรบ้าง?

· ประเภทการใช้งาน หากต้องการใช้งานทั่วไป ไฟฉาย LED หรือแบบพกพาก็ช่วยตอบโจทย์ได้ดี เพราะมีราคาไม่สูงมาก แต่หากต้องการใช้สำหรับงานช่างหรืองานต่าง ๆ แบบคาดศีรษะก็ช่วยให้ใช้งานได้สะดวกขึ้น แต่หากใครที่ต้องการความสว่างมากเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับไฟฉายแรงสูง

· ความสว่าง ไฟฉายแบบทั่วไปจะมีความสว่างอยู่ที่ประมาณ 150 – 500 ลูเมน แต่ไฟฉายแรงสูงจะมีความสว่าง 1,000 ลูเมนขึ้นไป หากต้องการไฟฉายที่สว่างมากควรเลือกใช้แบบแรงสูง เพราะส่งผลต่อการใช้งานโดยตรง

· ระยะลำแสง เป็นสิ่งที่บอกถึงระยะของลำแสงว่าสามารถส่องได้ไกลแค่ไหน หากเป็นแบบทั่วไปจะมีลำแสงในระยะประมาณ 500 เมตร แต่หากแบบแรงสูงระยะของลำแสงจะส่องสว่างได้ไกลมากถึง 10 เมตร

· วัสดุและความทนทาน ควรเลือกวัสดุที่มีความทนทานสูง เช่น อะลูมิเนียม เพราะเป็นวัสดุที่ทนทานและมีน้ำหนักเบา ทำให้ง่ายต่อการพกพา

· มาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่น สำหรับใครที่นำไปใช้ในกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการโดนน้ำหรือกิจกรรมทางน้ำ เช่น การเดินป่า ข้ามลำธาร ดำน้ำ ควรเลือกชนิดที่มีมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นในระดับ IPX8 เพราะสามารถกันน้ำได้ลึก 2 เมตร และทนต่อแรงกระแทกได้ในความสูง 1.5 เมตร 

· โหมดการทำงาน แต่ละรุ่นจะมีโหมดการทำงานมาให้ไม่เท่ากัน บางรุ่นมี 3 โหมด บางรุ่นมี 5 โหมด และบางรุ่นก็มีมากถึง 11 โหมด

· ระยะในการใช้งาน สำหรับแบบทั่วไปจะใช้งานต่อเนื่องได้ประมาณ 2 – 5 ชั่วโมง และจะต้องชาร์จไฟเพื่อเริ่มใช้งานใหม่ แต่ไฟฉายแบบ Led บางรุ่นออกแบบมาให้ใช้งานได้นานมากถึง 10,000 ชั่วโมงกันเลย

· โหมดความปลอดภัย เช่น โหมด SOS ขอความช่วยเหลือ, โหมดไฟกะพริบ

· ฟังก์ชันการใช้งาน เช่น ไฟแสดงสถานะการใช้งาน ปรับระดับความสว่างโดยอัตโนมัติ ระบบจดจำระดับแสงที่ใช้งานล่าสุด โหมดซูมเข้า – ออก

· แบตเตอรี่และการชาร์จ ควรเลือกรุ่นที่แบตเตอรี่มีความจุเยอะ เพราะสามารถใช้งานได้นานกว่า และควรเลือกรุ่นที่รองรับการชาร์จผ่านสาย USB

ไฟฉายเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์และมีความจำเป็น จึงควรเลือกรุ่นที่เหมาะสำหรับการใช้งานโดยตรงเพื่อประโยชน์ที่มากกว่า และควรหมั่นดูแลทำความสะอาด เก็บเข้าที่เมื่อเลิกใช้งาน

ไฟฉาย

สีทาบ้าน

ก่อนเลือกซื้อ สีทาบ้าน ควรรู้เกี่ยวกับอะไรบ้าง เลือกอย่างไรให้ถูกใจ ไม่ถูกหลอก?

การเลือก สีทาบ้าน ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสีทาบ้านนั้นไม่ได้ส่งผลต่อความสวยงามของตัวบ้านเพียงอย่างเดียว แต่ยังส่งผลต่อการอยู่อาศัยและอายุการใช้งานด้วย จึงควรเลือกสีที่มีคุณสมบัติที่ดีและเข้ากับประเภทของผนังเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งาน ส่วนจะมีวิธีการเลือกอย่างไร และมีสีแบบไหนบ้าง ไปดูกัน!

ประเภทของ สีทาบ้าน แต่ละแบบเหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหน?

· สีรองพื้น เป็นสีทาบ้านที่ใช้สำหรับทาพื้นปูนโดยเฉพาะ เป็นสีที่ใช้ทารองพื้นก่อนที่จะลงสีจริงทับ เพื่อช่วยปรับสีบนพื้นปูนให้มีความสว่างมากขึ้น สามารถใช้ทาได้ทั้งภายในและภายนอก ช่วยให้สีติดได้ดีขึ้น และให้สีที่ออกมาสวยตรงตามความต้องการ โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ สีทารองพื้นปูนใหม่และสีทารองพื้นปูนเก่า

· สีทาภายนอก เป็นสีจริงที่ใช้สำหรับทาภายนอกโดยเฉพาะ ใช้สำหรับทาผนังปูน มีประสิทธิภาพในการทนแดดทนฝนสูง แต่จะมีกลิ่นที่ค่อนข้างฉุน การเลือกสีสำหรับทาภายนอกควรเลือกสีที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเชื้อราหรือตะไคร่น้ำได้ดี ทนต่อความร้อนสูง สีไม่หลุดล่อนง่าย และสามารถปิดรอยแตกของผนังได้

· สีทาภายใน ใช้สำหรับทาภายในบนผนังปูน แผ่นยิปซัม และอื่น ๆ สีทาภายในส่วนมากแล้วจะมีคุณสมบัติ Low VOC ที่จะทำให้มีกลิ่นฉุนน้อยกว่าสีทาภายนอก เพื่อไม่ส่งกลิ่นเหม็นต่อการอยู่อาศัย การเลือกซื้อสีทาภายในควรเลือกสีที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเชื้อราและแบคทีเรียต่าง ๆ ได้ดี เนื้อสีควรมีความละเอียดและเป็นเงา ที่สำคัญคือควรมีคุณสมบัติเช็ดล้างง่าย

· สีน้ำอะคริลิกหรือสีน้ำพลาสติก เป็นสีที่มีคุณสมบัติในการยึดเกาะผนังได้ดี หลุดล่อนยาก ทนต่อสภาพอากาศ มีทั้งประเภทที่ใช้สำหรับทาภายนอกและทาภายใน เหมาะสำหรับพื้นปูน คอนกรีต และกระเบื้อง

· สีน้ำมันหรือสีเคลือบเงา เป็นสีที่ใช้ทาไม้หรือเหล็ก ในการใช้งานจะต้องนำไปผสมกับน้ำมันสนหรือทินเนอร์ก่อนแล้วจึงนำไปผสมแม่สี เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะ

· สีทาไม้ ใช้สำหรับทาพื้นผนังหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากไม้ เพื่อให้ผิวไม้ดูสวยงามมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทาเพื่อปกปิดลายไม้ และยังมีคุณสมบัติช่วยป้องกันเชื้อรา น้ำ และการผุกร่อนได้

· สีกัลวาไนซ์ เป็นสีสำหรับใช้ทาเหล็ก อะลูมิเนียม สังกะสี หรือสแตนเลส เพื่อช่วยป้องกันการเกิดสนิม และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะ

เรื่องควรรู้ในการสีทาบ้าน ทาอย่างไรให้สีติดทนสวยไม่หลุดลอก

· ควรทำความสะอาดพื้นผนังก่อนทาสี ก่อนทาสีทาบ้านทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นสีรองพื้นหรือสีจริง ควรปัดทำความสะอาดผนังให้เรียบร้อยก่อนเพื่อป้องกันเศษปูนหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ติดสีบนผนังหลังทา เพราะจะทำให้ดูไม่สวยและเอาออกยาก หากทาทับลงไปจะทำให้เป็นรอยเห็นได้ชัด

· ไม่ควรทาสีบนพื้นผิวที่เปียกหรือชื้น เพราะจะทำให้สีติดไม่ทน หลุดล่อนง่าย และทำให้เกิดเชื้อราจากความชื้นได้ ควรรอให้ผนังแห้งสนิทก่อนจึงค่อยทา

· ไม่ควรทาสีบนพื้นผิวที่มีรอยแตกร้าว หากมีรอยแตกร้าวควรยาแนวเพื่อปิดรอยร้าวก่อน เพราะการทาสีโดยมีรอยแตกจะทำให้ความชื้นเข้าไปในผนังและทำให้เกิดเชื้อราได้

· ไม่ควรทาสีเกินกว่า 5 รอบ ทั้งสีทาภายนอกและสีทาภายใน ควรทา 2 – 3 รอบเพื่อให้ได้สีที่สวยงาม ไม่หนาจนเกินไป เพราะหากทาทับกันมากเกินไปจะทำให้สีหลุดล่อนง่าย

· ควรเลือกสีที่มีคุณสมบัติเช็ดล้างง่าย เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาด

· ควรเลือกสีที่ปราศจากสารระเหย เพราะจะทำให้มีกลิ่นฉุนติดนานหลายวัน ส่งผลเสียต่อสุขภาพ 

· สังเกตวันหมดอายุก่อนเลือกซื้อ สีทาบ้านมีอายุประมาณ 5 – 10 ปี ควรเลือกชนิดที่ยังไม่หมดอายุ

สีทาบ้านแต่ละประเภทมีคุณสมบัติการใช้งานที่ไม่เหมือนกัน จึงควรเลือกสีให้เหมาะกับประเภทของพื้นผนังเพื่อประสิทธิภาพที่ดีกว่า ควรเลือกซื้อจากร้านที่น่าเชื่อถือและเลือกใช้สีของแท้ที่สามารถตรวจสอบล็อตการผลิตได้ 

สีทาบ้าน

รถเข็น

เรื่องที่ควรรู้ก่อนเลือกซื้อ รถเข็น มีกี่แบบ ควรพิจารณาจากอะไรบ้าง?

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า รถเข็น นั้นเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็น เพราะเป็นอุปกรณ์เคลื่อนย้ายที่นิยมใช้กันงานกันอย่างแพร่หลาย ทั้งการใช้งานทั่วไปและการใช้งานทางอุตสาหกรรม จึงมีผลิตออกมาอย่างหลากหลายเพื่อรองรับการใช้งานในแต่ละประเภท เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้เคลื่อนย้ายสิ่งของขนาดใหญ่หรือของที่มีน้ำหนักมากได้ ในการเลือกซื้อจึงไม่ใช่ว่าจะเลือกแบบไหนก็ได้ แต่ควรเลือกประเภทที่เหมาะสำหรับการใช้งานของตัวเองด้วย

ประเภทของ รถเข็นของ และประโยชน์การใช้งาน

· รถเข็นของ 2 ล้อ เป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด มีฐานด้านล่างสำหรับรองรับสิ่งของ มีล้อ 2 ข้างอยู่ทางด้านหลัง และเป็นทรงสูงขึ้นไป มีที่จับอยู่ 2 ด้านซ้าย – ขวา ใช้สำหรับเข็นของทั่วไป นิยมใช้เข็นของตามตลาดสดหรือตามร้านค้า 

· รถเข็นของ 3 ล้อ เป็นรถเข็นที่มีขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับใช้เข็นของขนาดใหญ่หรือเข็นของในปริมาณมากโดยเฉพาะ มีทรงสูง ออกแบบมาให้มี 3 ล้อ เพื่อง่ายต่อการเคลื่อนย้ายและการรับน้ำหนักอย่างทั่วถึง

· รถเข็นอเนกประสงค์ เป็นชนิดที่นิยมใช้เช่นกัน เพราะออกแบบมาให้ใช้งานได้อเนกประสงค์ เป็นรถเข็นของฐานเตี้ย ออกแบบมาให้มี 4 ล้อ เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ใช้งานง่ายด้วยการเข็นหรือลาก รองรับน้ำหนักได้ค่อนข้างเยอะ เหมาะสำหรับของใช้ทั่วไปหรือของที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก เช่น การใช้ขนลังเครื่องดื่ม ออกแบบมาให้พับเก็บได้ในตัว นอกจากนี้ยังมีแบบที่เป็นตะกร้าใส่ของสำหรับช็อปปิ้งด้วย

· รถเข็นดอลลี่ เป็นชนิดที่มีรูปทรงต่างจากแบบอื่น เพราะออกแบบมาเป็นทรงสี่เหลี่ยมและมีล้อเลื่อนอยู่ด้านล่าง 4 ล้อ ไม่มีที่จับ ใช้สำหรับเคลื่อนย้ายพาเลทหรือเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ โดยเฉพาะ จุดเด่นคือมีล้อสามารถหมุนได้รอบทิศทาง เพื่อการเคลื่อนย้ายที่สะดวกขึ้น

· รถเข็นช็อปปิ้ง เป็นชนิดที่พบได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป ออกแบบมาให้ใช้ใส่ของ รองรับน้ำหนักได้เยอะ

· รถเข็นทรงสูง เป็นชนิดที่นิยมใช้ทางอุตสาหกรรม ออกแบบมาเป็นทรงสูง มีประตูเปิดปิด รองรับน้ำหนักได้หลายร้อยกิโลกรัม

· รถเข็นเสิร์ฟอาหาร มีลักษณะเป็นชั้น ๆ เพื่อใช้เก็บอาหาร นิยมใช้ในโรงแรมเพื่อเสิร์ฟอาหารหรือเครื่องดื่ม

· รถเข็นกระเป๋าโรงแรม มีลักษณะเป็นทรงสูง แต่จะไม่ได้มีตะแกรงล้อมรอบเหมือนรถเข็นทรงสูง จะมีโครงหรือที่กั้นด้านข้างเพื่อป้องกันกระเป๋าตกหล่น

· รถเข็นปูน เป็นชนิดที่ผลิตจากโครงเหล็กและมีกระบะสำหรับขนของอยู่ด้านบน สามารถกระดกเพื่อเทของจากกระบะลงได้โดยไม่ต้องเปลืองแรง ส่วนล้อจะเป็นล้อยางที่มีความแข็งแรงและใช้งานได้ทุกสภาพผิว เหมาะสำหรับการใช้งานภายนอกอาคารโดยเฉพาะ

รวมเรื่องควรรู้ก่อนเลือกซื้อ รถเข็นของ เลือกอย่างไร ควรพิจารณาจากอะไรบ้าง?

· เลือกตามประเภทใช้งาน ควรทราบก่อนว่าต้องการนำ รถเข็น ไปใช้สำหรับทำอะไร หากต้องการมีติดบ้านไว้เพื่อใช้งานต่าง ๆ เหมาะสำหรับรถเข็นแบบ 2 ล้อ หรือรถเข็นอเนกประสงค์ เพราะมีขนาดไม่ใหญ่เกินไป ไม่กินพื้นที่จัดเก็บ

· เลือกจากคุณสมบัติ เช่น สามารถพับเก็บได้ เพราะสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายและง่ายสำหรับการจัดเก็บ ใช้งานได้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน 

· เลือกจากการรองรับน้ำหนัก รถเข็นของแต่ประเภทจะรองรับน้ำหนักได้ไม่เท่ากัน โดยมีตั้งแต่น้ำหนัก 25 – 250 กิโลกรัมขึ้นไป หากต้องการใช้ขนของที่มีน้ำหนักมาก ควรเลือกรุ่นที่รับน้ำหนักได้เยอะ เพราะหากเลือกรุ่นที่รับน้ำหนักได้น้อยจะทำให้รถเข็นเสื่อมประสิทธิภาพเร็ว เพราะวัสดุไม่ได้ออกแบบมาสำหรับรับน้ำหนักมาก ๆ นั่นเอง

· เลือกจากล้อ มีให้เลือกทั้งชนิดที่เหมาะสำหรับใช้งานภายในและชนิดเหมาะสำหรับใช้งานภายนอก ไม่ควรนำรุ่นที่มีล้อสำหรับใช้งานภายในไปใช้ภายนอกบ่อย ๆ เพราะจะทำให้ล้อสึกหรือเสื่อมประสิทธิภาพเร็ว นอกจากนี้ยังรวมถึงองศาในการหมุนของล้อด้วย เช่น ล้อหมุนได้ 360 องศา

· เลือกจากวัสดุ วัสดุที่นำมาใช้ส่วนใหญ่คือ เหล็ก อะลูมิเนียม และสแตนเลส โดยแต่ละประเภทจะมีความทนทานและอายุการใช้งานที่ไม่เท่ากัน 

จะเห็นว่า รถเข็นของ นั้นมีหลายประเภทเลยทีเดียว โดยแต่ละประเภทจะออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต่างกัน หากต้องการใช้งานแบบไหนควรเลือกประเภทนั้น เพราะจะช่วยให้ใช้งานได้สะดวกและปลอดภัยมากกว่า ไม่ควรนำมาใช้ผิดประเภท เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ หลังเลิกใช้งานแล้วควรเก็บเข้าที่เพื่อป้องกันเด็กมาเล่น เพราะอาจตกลงมาหรือถูกทับจนบาดเจ็บได้

รถเข็น

ขนมไดฟุกุ

สาระความรู้ครบเครื่องเรื่อง ขนมไดฟุกุ สำหรับคนรักความหวาน

ปัจจุบันนี้หากมีใครสักคนบอกว่า “ยังไม่เคยรับประทาน ขนมไดฟุกุ ” จะถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างพลาด ถึงแม้ว่าจะไม่ร้ายแรงอะไรเพราะความชอบในเรื่องรสชาติอาหารของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยน่าจะได้ทดลองสัมผัสความนุ่มนิ่มและนุ่มนวลของขนมชนิดนี้สักครั้ง ว่าเป็นการพบกันครึ่งทางของรสหวานและรสจืดอย่างน่าสนใจ ส่วนใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของขนมชนิดนี้ น่าจะเคยทดลองมาหลากหลายรสชาติและสารพัดรูปแบบ จนปิดตาชิมก็สามารถรู้ได้ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้างและไส้ทำมาจากอะไร 

ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเพิ่มดีเทลให้แก่สายหวานทุกคนได้ทำความรู้จักกับไดฟูกุให้มากขึ้นอีกนิด ว่ามีความเป็นมาอย่างไร จากอดีตจนถึงปัจจุบันขนมชนิดนี้ได้มีวิวัฒนาการอย่างไรบ้าง รับรองว่าถึงจะเป็นขนมหวานแต่ก็ใช้การเดินทางยาวนานกว่าจะมาถึงจุดนี้

บันทึกการเดินทางของขนมไดฟุกุ จากอดีตถึงปัจจุบัน

ขนมไดฟุกุเพียงแค่ชื่อก็บ่งบอกถึงต้นกำเนิด ว่าต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลจากประเทศญี่ปุ่น ลักษณะดั้งเดิมของขนมชนิดนี้จะใช้แป้งข้าวเหนียวห่อไส้ถั่วแดงไว้ภายใน และชื่อเดิมที่ใช้เป็นชื่อแรกคือ อุซึระโมจิ ที่แปลว่าโมจินกกระทา เริ่มต้นทำครั้งแรกในท้ายสมัยมุโรมาจิ มีรูปร่างกลมรีคล้ายนกกระทา อีกทั้งรสชาติดั้งเดิมยังไม่ได้ทำขึ้นมาเพื่อเป็นของหวาน เพราะน้ำตาลในสมัยนั้น เป็นของหายาก ราคาแพง และฟุ่มเฟือย ดังนั้นรสเดิมของอาหารชนิดนี้จึงประกอบไปด้วยแป้งข้าวเหนียว ที่ภายในเป็นไส้ถั่วแดงและปรุงรสด้วยเกลือ

จุดประสงค์ของการคิดค้นอุซึระโมจิขึ้นมาในยุคนั้นคือ ต้องการอาหารที่สามารถรับประทานได้สะดวกรวดเร็ว และอิ่มท้องได้นาน ซึ่งต่อมาก็มีการเพิ่มรสชาติให้มีความหลากหลายขึ้นทั้งการใช้ถั่วลันเตาเป็นไส้ หรือการโรยหญ้าโยโมกิลงบนผิวแป้งข้าวเหนียว ต่อมาในสมัยเอโดะช่วงท้าย ๆ ได้มีหญิงหม้ายคนหนึ่ง คิดค้นวิธีปรุงอุซึระโมจิ ด้วยการใช้น้ำตาลปรุงรสแทนเกลือ และใช้วิธีอบบนเตาที่มีความร้อน เพื่อนำมาขายในช่วงฤดูหนาว จึงเชื่อกันว่านี่คือต้นฉบับของไดฟูกุที่เราคุ้นเคยดีในปัจจุบัน 

หลังจากนั้นมาอาหารที่สามารถเป็นได้ทั้งอาหารคาวและอาหารหวานชนิดนี้ ได้รับการเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องจากเป็นอาหารที่รับประทานแล้วอยู่ท้องได้นาน จึงได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อ ขนมไดฟุกุ ที่แปลว่า “โมจิที่ทำให้โชคดี” ซึ่งชาวญี่ปุ่นจะนิยมทำขนมชนิดในงานมงคลต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ตามอุซึระโมจิ อันเป็นต้นแบบก็ไม่ได้หายไปจากความนิยม เพราะในแถบจังหวัดไซตามะบางพื้นที่ก็ยังนิยมรับประทาน อุซึระโมจิแบบปรุงด้วยเกลือแบบเดิม เพราะให้รสชาติของความเป็นอาหารที่มีความอยู่ท้องมากกว่า อีกทั้งน้ำตาลยังเป็นสินค้าที่สื่อถึงความฟุ่มเฟือย ชาวไซตามะจึงอนุรักษ์รสชาติดั้งเดิมเอาไว้เป็นเสน่ห์ประจำท้องถิ่น 

มาทำขนมไดฟุกุด้วยมือของเราเองกันเถอะ

ขนมไดฟุกุในปัจจุบันนี้สามารถหารับประทานได้ง่าย ทั้งจากการสั่งซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการเดินไปเลือกซื้อด้วยตนเองตามห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้อบางสาขาก็สามารถพบเจอขนมชนิดนี้ได้ไม่ยาก แต่สำหรับใครที่ต้องการทำขนมชนิดนี้รับประทานเอง ขอบอกว่ามีวิธีการที่ไม่ซับซ้อนเลย และยิ่งยุคโควิดแบบนี้ สามารถทำขายเพื่อสร้างรายได้เสริมได้เลย

เริ่มต้นจากการทำไส้ถั่วแดง ด้วยการนำถั่วแดงไปต้มจนสุกจากนั้นจะนำมาปั่นด้วยเครื่องให้ละเอียด หรือหากต้องการสัมผัสเนื้อถั่วเวลาเคี้ยว ก็สามารถใช้ช้อนหรือส้อมบี้ให้ละเอียดได้ จากนั้นให้ตั้งกระทะและใส่เนยลงไปเล็กน้อย สังเกตเมื่อเนยเริ่มละลายให้นำถั่วแดงใส่ลงไป ตามด้วยน้ำตาลทรายตามใจชอบ ขั้นตอนต่อไปออกแรงกันสักนิด ด้วยผัดให้ถั่วแดงแห้งสังเกตว่าหากถั่วแดงเริ่มไม่ติดกระทะแล้วแปลว่าใช้ได้ ให้ปิดไฟและพักถั่วแดงให้เย็น

ขั้นตอนต่อไปให้นำแป้งข้าวเหนียวและแป้งข้าวโพดที่นวดกับน้ำตาลทรายเล็กน้อย และเติมน้ำจนได้ก้อนแป้งนวลนิ่มไม่ติดมือและเข้าเตาไมโครเวฟเพื่อทำให้สุกจนเนื้อแป้งใส มาห่อไส้ถั่วแดง จับจีบแป้งให้เรียบร้อยโรยด้วยแป้งนวลสักหน่อยเพื่อความสะดวกในการหยิบ เพียงเท่านี้ก็ได้ขนมที่มาจากฝีมือตัวเองแล้ว

ขนมไดฟูกุ เป็นขนมที่มีประวัติยาวนาน พร้อมกับชื่ออันเป็นสิริมงคล สร้างกระแสนิยมให้กับคนไทยทั่วประเทศ เนื่องจากรสชาติหวานและมีกลิ่นหอมกลมกล่อม จึงสามารถซื้อเป็นของขวัญของฝากให้กับคนที่รักแทนความหวังดีได้ในทุกวาระโอกาส หรือจะซื้อเพื่อรับประทานเอง ก็เข้ากันได้ดีทั้งกับชาเขียว หรือกาแฟแก้วโปรด 

ขนมไดฟุกุ เป็นขนมที่มีประวัติยาวนาน นอกจากนั้นยังมีรสชาติหวานและมีกลิ่นหอมกลมกล่อม จึงเหมาะซื้อเป็นของขวัญหรือของฝาก หรือเพื่อรับประทานเอง

บ้านน็อคดาวน์

บ้านน็อคดาวน์ ขนาดย่อม แต่คุณภาพเยี่ยมและสร้างความประทับใจให้คนอยากมีบ้าน

หนึ่งในบ้านสำเร็จรูปที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากคือ บ้านน็อคดาวน์ ถือได้ว่าเป็นบ้านสมัยใหม่ที่ลดข้อจำกัดในการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ลดเวลาในการก่อสร้าง ลดปัญหาการเชื่อมต่อไฟฟ้าและประปา ข้อดีต่าง ๆ เหล่านี้ได้ถูกนำไปใช้ในประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวหรือภัยธรรมชาติอยู่เสมอ เช่น ญี่ปุ่น และประเทศแถบยุโรป จึงเรียกได้ว่าบ้านประเภทนี้ใช้งานมานานกว่าที่ใครหลายคนรู้ หากบ้านประเภทนี้ไม่ได้เพิ่งมีตามกระแสนิยมและมีการใช้งานเพื่อประโยชน์จริงจังมาเป็นเวลานาน แสดงว่าข้อดีของบ้านประเภทนี้คงมีมากทีเดียว

เรื่องดีของบ้านน็อคดาวน์สำเร็จรูปที่เหมาะกับทุกยุคทุกสมัย

หากจะบอกว่าบ้านรูปแบบนี้เหมาะกับยุคสมัยที่รีบเร่งเพียงเพราะสร้างไว ต่อไว สำเร็จไว ก็คงไม่ถูกเท่าไรนัก เพราะข้อดีของบ้านแบบนี้ยังมีอีกหลายข้อที่ไม่ว่ายุคใดสมัยใดก็ต้องมีคนปลื้มบ้านแบบนี้อยู่เสมอ

1. ใช้เวลาประกอบบ้านได้อย่างรวดเร็ว 

ที่ใช้คำว่า ‘ประกอบ’ เนื่องจากไม่มีคานและเสา แต่อย่าเพิ่งหวั่นใจว่าจะไม่มีอะไรมารับน้ำหนัก เพราะผนังบ้านจะเป็นชิ้นส่วนในการรองรับน้ำหนักแทนนั่นเอง เมื่อนำส่วนประกอบต่าง ๆ ของบ้านมาติดตั้งเข้าด้วยกัน ก็ใช้เวลาไม่นานเท่าการสร้างบ้านหนึ่งหลัง ดังนั้น ข้อดีนี้จึงเป็นที่ถูกอกถูกใจเจ้าของบ้านที่อยากย้ายเข้าบ้านเร็วหรือมีความจำเป็นต้องเข้าอยู่ในเวลาจำกัด

2. บ้านสำเร็จรูปที่ไม่จำเจ

หลายคนอาจได้ยินชื่อแล้วเข้าใจว่าบ้านประเภทนี้คงจะมีรูปแบบที่จำเจและเลือกบ้านที่ต้องการไม่ได้มากนัก แต่ในความจริงรูปแบบบ้านขนาดย่อมยังมีอะไรน่าสนใจให้เลือกตามความชื่นชอบอีกมาก ทั้งดาดฟ้าที่จะเพิ่มพื้นที่สูดอากาศ ทั้งระเบียงเล็ก ๆ ไว้ชื่นชมสวนหน้าบ้าน หรือแม้แต่สไตล์บ้านแบบอังกฤษ สไตล์ Loft ก็มีมาให้เลือกตามรสนิยมของผู้อยู่ เพียงแต่ต้องเลือกให้เหมาะกับประโยชน์ใช้สอยของตัวเอง และไม่ทำให้การจัดวางสิ่งของภายในบ้านอึดอัดมากจนเกินไปนัก

3. บ้านหลังน้อยราคาประหยัด

ความกังวลใจของคนที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว หรือคนที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเองแต่งบมีจำกัด การเลือกบ้านน็อคดาวน์คงช่วยให้ไม่ต้องเก็บเงินนานหรือใช้เงินเกินตัวเพื่อมาซื้อบ้าน เพราะเพียงมีที่ดินสักผืนเพียงพอให้ประกอบบ้านได้ และมีงบประมาณหลักหมื่นจนถึงหลักแสนก็เพียงพอให้ชีวิตมีทางเลือกซื้อบ้านขนาดเล็กและงบประมาณพอเหมาะแล้ว หรือถ้าภายหลังสามารถเก็บเงินเพิ่มเติมงบเพื่อนำมาปรับปรุงได้ก็คงทำให้บ้านที่อยู่กลายเป็นบ้าน ‘น่าอยู่’ ในที่สุด

4. ประกอบง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก

‘ประกอบได้ก็รื้อได้’ คำพูดนี้ถือว่าเหมาะกับบ้านประเภทนี้มาก จากที่เกริ่นในตอนต้นว่าบ้านประเภทนี้เป็นที่นิยมในประเทศที่มักจะมีภัยพิบัติ จึงทำให้ต้องเคลื่อนย้ายที่อยู่อาศัยอยู่บ่อย ๆ ข้อดีนี้ได้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อย่างแพร่หลายมากขึ้น เช่น การเปลี่ยนถิ่นที่อยู่ การย้ายที่พักในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งชั่วคราว

เมื่อทราบข้อดีของบ้านประเภทนี้แล้วคงอยากรู้ว่าจะมองหาบ้านดี ๆ สักหลังต้องใช้เหตุผลอะไรมาพิจารณาก่อนเลือกซื้อ วิธีเลือกด้านล่างนี้จะช่วยให้เจอบ้านในฝันที่ทั้งราคาดี คุณภาพเยี่ยม และไม่ทำให้เจ้าของบ้านปวดหัวภายหลัง

บ้านน็อคดาวน์คุณภาพคุ้มราคาจะตามหาเจอได้อย่างไร

1. ตกลงทั้งราคา เวลาก่อสร้าง วิธีติดตั้งที่เหมาะสมก่อนเซ็นสัญญาซื้อบ้าน เพราะบ้านที่กำลังจะได้รับนั้นถือว่าไม่ต่างอะไรจากบ้านทั่วไป แม้จะใช้เวลาและงบประมาณที่น้อยกว่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะละเลยเรื่องสำคัญเหล่านี้ไปได้

2. อย่าลืมดูวัตถุประสงค์ในการใช้บ้าน เพราะบางคนอาจไม่ได้ใช้แค่การอยู่อาศัย แต่อาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น เช่น การค้า สำนักงาน ฯลฯ ผู้ซื้อบ้านจึงควรคำนวณน้ำหนักร่วมกับผู้ขายบ้านด้วยว่าจะใช้รับน้ำหนักเท่าไร เพื่อให้เลือกใช้บ้านได้เหมาะกับการใช้งาน

3. ควรเลือกแหล่งซื้อบ้านที่น่าเชื่อถือและติดต่อหลังการขายได้ เผื่อไว้ในกรณีฉุกเฉินระหว่างที่อยู่อาศัย หรือจำเป็นต้องซ่อมแซมสิ่งไหนเพิ่มเติมจะได้สอบถามไปจนถึงแจ้งให้ช่างผู้เชี่ยวชาญมาทำการปรับปรุงแก้ไข

คนที่ฝันอยากจะมีบ้านแต่ติดเรื่องงบประมาณคงสามารถหาทางออกได้แล้ว หรือแม้แต่คนที่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่สร้างบ้านก็คงหาวิธีแก้ไขได้เช่นกัน เพียงเลือกบ้านน็อคดาวน์มาก็จะทำให้เรื่องยากในชีวิตกลายเป็นเรื่องง่ายได้ทันที

บ้านน็อคดาวน์ ถือได้ว่าเป็นบ้านสมัยใหม่ที่ลดข้อจำกัดในการใช้พื้นที่ขนาดใหญ่ ลดเวลาในการก่อสร้าง ลดปัญหาการเชื่อมต่อไฟฟ้าและประปา