เครื่องซักผ้าจิ๋ว ปั่นแห้ง

เครื่องซักผ้าจิ๋ว ปั่นแห้ง ใช้งานได้จริงไหม? มีระบบการทำงานอย่างไร?

สำหรับเด็กหอหรือผู้เช่าห้องพักที่กำลังมองหาเครื่องซักผ้าอยู่ เครื่องซักผ้าจิ๋ว ปั่นแห้ง ก็ถือเป็นคำตอบที่ดี เพราะมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไป ช่วยประหยัดพื้นที่ได้ดี แถมยังช่วยทุ่นแรงในการซักผ้าได้ด้วย เพราะการอยู่หอหรือเช่าห้องพักนั้นมีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด หากเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่มีขนาดใหญ่จะทำให้กินพื้นที่ห้องและเคลื่อนย้ายลำบาก หลายคนจึงหันมาเลือกใช้เครื่องซักผ้าขนาดเล็กแทน เพื่อเวลาย้ายออกจะได้ขนย้ายง่าย อีกทั้งยังมีราคาไม่แพงด้วย

ประเภทของ เครื่องซักผ้าจิ๋ว ปั่นแห้ง

· แบบถังเดียว เป็นเครื่องซักผ้าแบบฝาบนที่ออกแบบมาให้มีถังเดียว ใช้งานได้แบบ 2 in 1 ทั้งการซักและการปั่นแห้ง เหมาะสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัด เป็นเครื่องซักผ้าแบบกึ่งอัตโนมัติ

· แบบถังคู่ เป็นเครื่องซักผ้ามินิที่แยกถังซักและถังปั่นออกจากกัน เพื่อให้ใช้งานได้อย่างสะดวก เลือกปั่นแห้งอย่างเดียวก็ได้ เหมาะสำหรับคนที่มีผ้าค่อนข้างเยอะ

เครื่องซักผ้ามินิ ซักอะไรได้บ้าง เหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหน?

· ซักเสื้อผ้าในปริมาณไม่มาก เช่น การใช้ซักผ้าครั้งละ 2 – 3 ชุด ซักในปริมาณที่ไม่มากจนเกินไป ใช้เวลาซักไม่นาน เช่น ชุดนอน 3 ชุด, เสื้อยืด 6 ตัว, กางเกงยีน 2 ตัว

· การแยกซักผ้าขาว สำหรับผ้าขาวที่ไม่สามารถซักรวมกับผ้าสีอื่นได้ ก็แยกมาซักในเครื่องซักผ้ามินิได้ 

· เสื้อผ้าเด็ก ซักได้ครั้งละหลายตัว ประมาณ 6 – 7 ชุด เหมาะสำหรับซักผ้าเปื้อนของเด็ก

· ปลอกหมอน เพราะมีขนาดเล็ก การนำไปซักในเครื่องขนาดใหญ่อาจไม่คุ้ม เปลี่ยนมาซักในนี้แทนได้

· ผ้าผืนเล็ก เช่น ผ้าอ้อม ผ้าเช็ดหัว ผ้าเช็ดมือ หรืออื่น ๆ ที่ต้องการซัก

· ชุดชั้นใน สามารถซักได้ครั้งละหลายตัว มีรอบการเหวี่ยงไม่แรงจนเกินไป 

· ถุงเท้า ถุงมือ ซักได้ครั้งละหลายคู่ ไม่ต้องเสียเวลาขยี้เอง

· รองเท้า หากไม่มีเวลาซักก็ให้เครื่องช่วยซักแทนได้

การเลือกซื้อ เครื่องซักผ้าจิ๋ว ปั่นแห้ง ให้ใช้ประโยชน์ได้จริง 

· เลือกจากขนาดถังและความจุในการซัก เครื่องซักผ้าจิ๋วมีความจุให้เลือกหลายขนาด หากใครที่ไม่ได้ซักผ้าบ่อย ขนาด 3 – 5 กิโลกรัมก็กำลังดี แต่หากใครที่ซักผ้าบ่อยหรือมีผ้าเยอะควรเลือกขนาด 7 กิโลกรัมขึ้นไป เพราะรองรับการซักได้เยอะกว่า

· ขนาดและน้ำหนัก ควรสำรวจพื้นที่ติดตั้งก่อนว่ามีขนาดเท่าไหร่ เหมาะสำหรับเครื่องขนาดไหน เพื่อให้ไม่กินพื้นที่ใช้สอยในห้องมากจนเกินไป เพราะหากเลือกขนาดใหญ่เกินไปจะทำให้ห้องดูแคบลงและทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ไม่สะดวก

· วัสดุ มีผลิตจากหลายวัสดุ ควรเลือกใช้วัสดุที่มีความทนทานสูง ได้มาตรฐานการผลิต เพื่อความทนทานและช่วยยืดอายุในการใช้งาน 

· กำลังไฟ เพื่อทราบว่าเครื่องซักผ้าที่ใช้นั้นมีกำลังในการทำงานมากแค่ไหน ซึ่งก็มีตั้งแต่ระดับ 60 วัตต์ ขึ้นไป เช่น กำลังไฟ 300 วัตต์ ที่ทำงานได้กำลังพอดี

· การตั้งเวลาซัก แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะตั้งเวลาการซักและปั่นแห้งได้ไม่เท่ากัน โดยส่วนมากแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 10 นาที แต่ก็มีบางรุ่นที่สามารถตั้งเวลาซักได้นานกว่านั้น

· มาตรฐานการกันน้ำ เพราะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทำงานอยู่กับน้ำจึงควรมีมาตรฐานกันน้ำเพื่อความปลอดภัยด้วย เช่น มาตรฐานกันน้ำระดับ IPX4

· ฟังก์ชันการใช้งาน เช่น มีแสง UV ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียในถังซัก ช่วยให้ถังสะอาด ลดการสะสมของแบคทีเรียลงได้

· การรับประกัน เพื่อช่วยให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจและป้องกันการมีปัญหาในภายหลัง ซึ่งก็มีตั้งแต่การรับประกัน 1 เดือนไปจนถึง 1 ปีเลย

เครื่องซักผ้าจิ๋ว เป็นเครื่องซักผ้าขนาดเล็กที่สามารถใช้งานได้จริง สามารถใช้งานได้ดีทั้งการซักผ้าและการปั่นแห้ง เหมาะสำหรับเด็กหอหรือผู้ที่เช่าห้องอยู่ ช่วยทุ่นแรงในการซักผ้าและช่วยลดเวลาในการตากผ้าลงได้ ช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น ไม่ต้องไปใช้เครื่องซักผ้ารวมกับผู้อื่น แถมยังเคลื่อนย้ายง่าย ย้ายออกก็ขนไปได้แบบสบาย ๆ 

เครื่องซักผ้าจิ๋ว ปั่นแห้ง

แอร์ 18000 BTU

แอร์ 18000 BTU เหมาะสำหรับห้องขนาดเท่าไหร่ ควรเลือกซื้อแบบไหนดี?

เมื่อหน้าร้อนมาถึง หลายคนก็เริ่มมองหาแอร์ไว้ติดตั้งเพื่อช่วยดับร้อน แต่ทราบหรือไม่ว่า แอร์ 18000 BTU หรือแอร์ที่คุณกำลังจะติดตั้งนั้นเหมาะสำหรับการติดตั้งในห้องแบบไหน? เพราะแอร์แต่ละขนาดออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต่างกัน หากเลือกใช้ไม่ถูกประเภทจะทำให้ห้องร้อน ติดแอร์แล้วแต่ทำไมถึงรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็นหรือมีค่าไฟที่ขึ้นสูง? สำหรับใครที่มีแพลนจะติดแอร์เราก็มีเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อแอร์มาบอกกันว่า แอร์แต่ละขนาดเหมาะสำหรับห้องแบบไหน? แอร์ประเภทนี้เหมาะสำหรับห้องของคุณหรือไม่? และควรเลือกซื้อแบบไหนดี?

รู้ก่อนติดตั้ง! แอร์ 18000 BTU เหมาะกับห้องแบบไหน พื้นที่เท่าไหร่ถึงจะเย็น?

แอร์แบบ18000 บีทียู เป็นแอร์ที่มีค่า BTU (British Thermal Unit) อยู่ในระดับกลางที่ไม่สูงและต่ำจนเกินไป โดยค่า บีทียู แอร์ นั้นก็คือหน่วยที่ใช้บอกค่าความเย็นของแอร์ ที่ยิ่งมีค่า บีทียู สูงเท่าไหร่ก็สามารถทำความเย็นได้มากเท่านั้น แต่หลักการทำความเย็นก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่า บีทียู แอร์ เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับพื้นที่ห้องและตำแหน่งในการติดตั้งด้วย โดยสามารถคำนวณหาค่าได้ง่าย ๆ โดยใช้สูตร “BTU = พื้นที่ห้อง คือ (กว้าง x ยาว ) x ตัวแปร” ซึ่งค่าตัวแปรจะแบ่งออกเป็น 3 แบบคือ 700 – 800 : สำหรับห้องที่ไม่โดนแดด, 800 – 900 : ห้องที่ใช้งานช่วงกลางวันเป็นประจำ และ 900 – 1,000 สำหรับห้องที่โดดแดดตลอดวัน

สำหรับแอร์แบบนี้จะเหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ห้องที่ไม่ได้โดนแดดบ่อย เหมาะสำหรับห้องขนาด 22 – 24 ตารางเมตร แต่หากเป็นห้องที่โดนแดดบ่อย เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาด 19 – 21 ตารางเมตร เพราะห้องที่โดดแดดบ่อยจะมีอุณหภูมิภายในห้องที่สูงกว่าห้องที่ไม่โดดแดด ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อทำความเย็นให้ถึงจุดที่ตั้งไว้ หากนำไปติดตั้งในห้องขนาดใหญ่จะทำให้กินไฟเพิ่มขึ้นและต้องใช้เวลานานกว่าห้องจะเย็น ซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลเสียแค่ในเรื่องของค่าไฟที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้แอร์ทำงานหนักและมีอายุการใช้งานที่สั้นลงด้วย

รู้หรือไม่? ทำไม แอรระบบอินเวอร์เตอร์ถึงเป็นที่นิยม ดีอย่างไร?

· ประหยัดไฟมากกว่า แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์สามารถประหยัดไฟได้มากกว่าแอร์ระบบธรรมดาถึง 30% เพราะทำงานโดยการเร่งรอบคอมเพรสเซอร์ให้ถึงจุดที่ตั้งไว้และรักษาอุณหภูมินั้นไว้โดยที่คอมเพรสเซอร์ไม่ต้องตัดบ่อย ต่างจากแอร์แบบทั่วไปที่จะเร่งรอบเพื่อให้ถึงจุดความเย็น และเมื่อถึงจุดความเย็นแล้วคอมเพรสเซอร์ก็จะตัดและจะเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง ทำให้คอมเพรสเซอร์มีรอบการทำงานหนักและกินไฟ

· ทำความเย็นได้เร็ว เมื่อเปิดเพียงไม่นานก็รู้สึกเย็นแล้ว เพราะสามารถทำความเย็นได้เร็วกว่า ไม่ต้องเปิดทิ้งไว้เป็นชั่วโมง เปิดก่อนใช้งาน 5 – 10 นาทีก็เย็นได้ตามที่ต้องการ

· อุณหภูมิคงที่ เย็นสม่ำเสมอ เพราะแอร์อินเวอร์เตอร์ไม่ได้ตัดรอบบ่อยจึงช่วยให้เย็นได้อย่างสม่ำเสมอ อุณหภูมิภายในห้องคงที่ ช่วยให้นอนหลับสบาย ไม่ทำให้รู้สึกว่าเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน

· ช่วยลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานน้อยลงก็ช่วยให้แอร์มีอายุการใช้งานที่นานขึ้นด้วย 

· ไม่ทำให้เกิดไฟกระชาก เพราะคอมเพรสเซอร์ไม่ต้องเริ่มทำงานใหม่บ่อย ๆ เพื่อทำความเย็นให้ได้รอบ จึงไม่ทำให้เกิดไฟกระชาก เพราะหากคอมเพรสเซอร์เริ่มทำงานใหม่บ่อย ๆ จะทำให้ไฟกระชากได้ง่าย ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร และทำให้ระบบการทำงานของแอร์เกิดปัญหาตามมาได้

· ทำงานเงียบไร้เสียงรบกวน เมื่อคอมเพรสเซอร์ไม่ต้องตัดรอบบ่อย ๆ แอร์อินเวอร์เตอร์จึงไม่มีเสียงดังรบกวน สามารถใช้งานได้แบบสบาย ๆ นอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

สำหรับใครที่มีแพลนจะติดตั้งแอร์ อย่าลืมดูขนาดพื้นที่ห้องให้ดีก่อนว่าเหมาะสำหรับ แอร์18000BTU หรือไม่? เพราะหากห้องมีขนาดใหญ่เกินไปจะทำให้เย็นไม่ทั่วถึงและแอร์ต้องทำงานหนักขึ้น ทำให้กินไฟ แต่หากห้องมีขนาดเล็กจนเกินไปก็จะทำให้เปลืองค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ และอย่าลืมเปิดแอร์ที่ 25 องศาเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ไม่ควรเปิด ๆ ปิด ๆ เพราะทุกครั้งที่แอร์เริ่มทำงานใหม่คอมเพรสเซอร์ก็จะเร่งรอบเพื่อทำความเย็นใหม่ด้วย ทำให้กินไฟมากกว่าเดิม

แอร์ 18000 BTU

สูตรไก่ทอด

แจก! 3 สูตรไก่ทอด ติดครัว ทำทานได้ทุกเทศกาล อร่อยได้ไม่มีเบื่อ

ไก่ทอด เป็นอาหารโปรดของหลาย ๆ คน เพราะทานง่าย และมีหลาย สูตรไก่ทอด ให้เลือกทาน โดยแต่ละสูตรก็จะมีรสชาติที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนว่าชอบสไตล์ไหน เป็นของทานเล่นที่นิยมทานคู่กับข้าวเหนียวหรือส้มตำ เป็นเมนูโปรดของทุกวัย สำหรับใครที่ชอบทานไก่ทอด วันนี้เราก็มี 3 เมนูไก่ทอดมาบอกกัน เป็นสูตรที่ทำทานเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน อร่อยได้ในทุกเทศกาล

สูตรไก่ทอด ปีกไก่ทอดน้ำปลา เมนูเอาใจทุกคนในครอบครัว

สิ่งที่ต้องเตรียม

· ปีกบน 1 กิโลกรัม เป็น สูตรไก่ทอดร้อน ๆ สำหรับ 2 – 3 ท่าน

· แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย

· น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ

· น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

· นำปีกไก่ลงไปคลุกกับแป้งทอดกรอบให้ทั่ว

· ตั้งน้ำมันให้ร้อน ใช้ไฟกลางในการทอด

· นำปีกไก่ชุบแป้งลงไปทอดในกระทะประมาณ 10 นาที กลับด้าน ทอดให้สุกทั่วกันทั้ง 2 ฝั่งแล้วนำขึ้นพักไว้

· เทน้ำมันออกจากกระทะ โดยให้เหลือติดกระทะไว้นิดหน่อย

· ใส่น้ำปลาและน้ำตาลทรายลงไป คนให้เข้ากัน

· พอเริ่มเดือดนำปีกไก่ทอดลงไปเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จแล้ว

สูตรไก่ทอดอร่อย ๆ ไก่กรอบเคลือบซอสเกาหลี

สิ่งที่ต้องเตรียม

· ปีกไก่บนหรือปีกกลาง 1 กิโลกรัม สูตรไก่ทอด สำหรับ 2 – 3 ท่าน

· แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย

· ซอสเคลือบไก่เกาหลี 2 ถ้วย

· งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

· นำปีกไก่หรือไก่บนคลุกกับแป้งทอดกรอบให้ทั่ว

· ตั้งน้ำมันให้ท่วมไก่ รอให้ร้อน และลดลงใช้ไฟกลาง

· นำไก่ลงไปทอดพอเหลือง จากนั้นตักขึ้นพักไว้

· เร่งไฟแรง รอจนน้ำมันร้อน แล้วนำไก่ที่ทอดจนเหลืองลงไปทอดอีกครั้งจนไก่เริ่มกรอบ แล้วตักขึ้นพักไว้

· นำซอสเคลือบไก่เกาหลีเทลงกระทะเปล่า เปิดไฟเบา และคนให้ซอสเริ่มร้อน

· นำไก่ที่ทอดไว้ลงไปคลุกกับซอสให้ทั่ว 

· ตักขึ้นใส่จาน โรยหน้าด้วยงาคั่วหอม ๆ เพียงเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จแล้ว รสชาติอร่อยใกล้เคียงกับไก่ทอดสูตรดังเกาหลี

สูตรไก่ทอด สมุนไพร อร่อยถูกใจ ทานเมื่อไหร่ก็ไม่เบื่อ!

สิ่งที่ต้องเตรียม

· สะโพกไก่ 2 ชิ้น เป็น สูตรไก่ทอด สำหรับ 2 ท่าน

· แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วย

· แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย

· น้ำ 1/2 ถ้วย

· ลูกผักชี 1 ช้อนโต๊ะ

· พริกไทยดำ 1 ช้อนโต๊ะ

· เม็ดยี่หร่า 1/2 ช้อนโต๊ะ

· กระเทียม 1 หัว

· รากผักชี 3 ราก

· เกลือ 1 ช้อนชา

· ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ

· ผงปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ

· น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ

· หอมเจียม 1/2 ถ้วย

วิธีทำ

· นำลูกผักชี เม็ดยี่หร่า และพริกไทยมาตำให้ละเอียด

· ใส่กระเทียมและรากผักชีลงไปตำต่อจนละเอียดดี จากนั้นเทลงภาชนะ

· นำเครื่องปรุงที่เตรียมไว้ทั้งหมดใส่ลงไปและเคล้าให้เข้ากัน

· นำสะโพกไก่มาเลาะกระดูกออกให้เหลือแต่เนื้อ เพื่อให้ทานง่ายขึ้น โดยใช้มืดเฉือนไปตามแนวกระดูก จากนั้นค่อย ๆ ใช้ปลายมีดไล่เลาะลงมาตามแนว

· นำไก่ลงไปคลุกกับน้ำหมักให้ทั่ว และหมักทิ้งไว้ 20 นาที

· นำแป้งทอดกรอบ แป้งข้าวจ้าวและน้ำมาผสมกัน คนให้แป้งละลาย 

· ตั้งน้ำมันให้ร้อน แล้วลดลงเหลือไฟกลาง

· นำไก่ลงไปชุบแป้ง แล้วนำลงกระทะทอด ทอดให้ทุกทั่วทั้ง 2 ฝั่ง เมื่อไก่เริ่มเหลืองดีแล้ว ให้เร่งไฟแรงก่อนนำขึ้น เพื่อช่วยให้ไม่อมน้ำมัน

· เรียงใส่จานแล้วโรยด้วยหอมเจียว เท่านี้ก็อร่อยได้ฟิลเหมือนไก่ทอดหาดใหญ่แล้ว

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 3 สูตรไก่ทอด ที่เราได้นำมาฝากกัน หากชอบไก่ทอดสไตล์ไหนสามารถเลือกทำตามกันได้ เป็นสูตรง่าย ๆ ที่สามารถทำทานที่บ้านได้ โดยเคล็ดลับการทำไก่ทอดให้อร่อยคือ ควรเลือกไก่ที่สด เนื้ออมชมพู ไม่ซีด ออกเขียวหรือมีกลิ่น ควรใช้น้ำมันใหม่ในการทอด จะช่วยให้ไก่ทอดมีกลิ่นหอมมากขึ้น และควรนำไก่ลงไปทอดในขณะที่น้ำมันร้อนเท่านั้น เพราะถ้าน้ำมันยังไม่ร้อนจะทำให้ไก่ติดกระทะง่าย แป้งไม่ฟูสวย ดูไม่น่ารับประทาน ไม่ควรใช้ไฟแรงจนเกินไป เพราะจะทำให้ไก่ด้านในไม่สุกแม้ด้านนอกจะเหลืองแล้วก็ตาม ควรทานคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ จะช่วยให้อร่อยมากขึ้น 

สูตรไก่ทอด

เครื่องดูดฝุ่น

เครื่องดูดฝุ่น ดีอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง จำเป็นต้องมีหรือไม่?

หลายคนคิดว่า เครื่องดูดฝุ่น เป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ไม่จำเป็น แต่ทราบหรือไม่ว่าความจริงแล้วเป็นอุปกรณ์ที่มีประโยชน์มากกว่าที่คิด เพราะไม่ได้มีหน้าที่ในการทำความสะอาดเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยลดฝุ่นที่เป็นสาเหตุในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ด้วย เพราะฝุ่นเป็นละอองขนาดเล็กที่ลอยอยู่ในอากาศและลอยตัวไปจับตามเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ จนเกิดเป็นฝุ่นสะสมที่ก่อให้เกิดการแพ้หรือการระคายเคืองได้ หากไม่กำจัดฝุ่นอย่างถูกวิธีจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจและการอยู่อาศัยได้

ประเภทของ เครื่องดูดฝุ่น และลักษณะการใช้งาน

· เครื่องดูดฝุ่นมือถือ เป็นเครื่องดูดฝุ่นขนาดเล็กแบบพกพา สำหรับใช้งานอเนกประสงค์ นิยมใช้ดูดฝุ่นในรถยนต์ ที่นอน โซฟา มีน้ำหนักเบา ใช้งานง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก

· เครื่องดูดฝุ่นด้ามจับ หรือที่ดูดฝุ่นแบบไร้สาย ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายขึ้นแบบไร้สาย ด้ามจับยาว จับทำความสะอาดถนัดมือ ใช้ดูดฝุ่นตามพื้นบ้าน พรม ผ้าม่าน และอื่น ๆ ข้อดีคือ ขนาดกะทัดรัด ใช้งานสะดวก และมีน้ำหนักที่ไม่มากจนเกินไป เครื่องดูดฝุ่นแบบด้ามจับบางรุ่นออกแบบมาให้ใช้งานได้แบบ 2 in 1 ถอดด้ามออกมาใช้แบบมือถือได้

· เครื่องดูดฝุ่นแบบกล่อง หรือเครื่องดูดฝุ่นแบบสุญญากาศ เป็นประเภทที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เพราะมีถุงเก็บฝุ่นอยู่ด้านใน นิยมใช้ในบ้าน โรงแรม อาคาร หรือบริเวณที่มีขนาดใหญ่เพื่อช่วยทุ่นแรงและประหยัดเวลาในการทำความสะอาด

· หุ่นยนต์ดูดฝุ่น เป็นชนิดที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ทำงานอัตโนมัติ เพียงเปิดเครื่องหุ่นยนต์ก็สามารถเคลื่อนที่เพื่อดักจับฝุ่นในบริเวณต่าง ๆ แล้ว เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลา

ประโยชน์ของ ที่ดูดฝุ่น ที่คุณอาจยังไม่รู้

· ช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดบ้าน สิ่งสกปรกทั่วไปสามารถกวาดทิ้งถังขยะ แต่ฝุ่นนั้นต้องใช้ ที่ดูดฝุ่น ช่วยทำความสะอาด เพราะมีขนาดเล็กและสามารถฟุ้งกระจายในอากาศได้ หากทำความสะอาดด้วยการกวาดจะทำให้ฝุ่นยิ่งฟุ้งกระจายไปเกาะตามบริเวณต่าง ๆ ทำเท่าไหร่ฝุ่นก็ไม่หมดสักที การใช้เครื่องดูดฝุ่นจึงช่วยทุ่นแรงในการทำความสะอาดฝุ่นลงได้

· ช่วยดูดฝุ่นตามซอกมุมต่าง ๆ ได้ บริเวณซอกมุมต่าง ๆ ที่ทำความสะอาดยาก หัวดูดฝุ่นก็สามารถเข้าไปช่วยดูดฝุ่นได้ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณซอกตู้ ซอกเตียง มุมเสา หรืออื่น ๆ ช่วยกำจัดฝุ่นละออง เส้นผม และสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ 

· ใช้ทำความสะอาดผ้าม่านหรือโซฟาได้ ผ้าม่านและโซฟาเป็นแหล่งสะสมของฝุ่น ที่หากไม่ทำความสะอาดจะทำให้มีไรฝุ่นและส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ จึงควรใช้ที่ดูดฝุ่นดูดทำความสะอาดอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 – 2 ครั้ง

· ช่วยลดการเกิดภูมิแพ้หรือโรคในระบบทางเดินหายใจ ฝุ่นละอองเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เมื่อสู่ระบบทางเดินหายใจจะทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้มีการคัดจมูก จาม และก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้ ซึ่งเครื่องดูดฝุ่นบางรุ่นสามารถกำจัดฝุ่นและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่มีขนาดเล็กกว่า 0.3 ไมครอนได้

· ช่วยให้บ้านสะอาดน่าอยู่ เมื่อบ้านปราศจากฝุ่นก็จะช่วยให้บ้านสะอาดน่าอยู่ มีอากาศที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภูมิแพ้และโรคต่าง ๆ ได้

เคล็ดลับการเลือกเครื่องดูดฝุ่น แบบไหนที่เหมาะกับการใช้งานของคุณ?

  • เลือกประเภทที่ตรงกับการใช้งาน ก่อนอื่นควรทราบก่อนว่าต้องการเครื่องดูดฝุ่นไปใช้สำหรับทำอะไร หากต้องการใช้ดูดฝุ่นในรถหรือใช้งานทั่วไป ที่ดูดฝุ่นแบบมือจับก็ช่วยให้หยิบใช้งานได้สะดวก
  • เลือกจากกำลังไฟ  กำลังในการดูดฝุ่นขึ้นอยู่กับมอเตอร์และกำลังไฟ ที่หากต้องการรุ่นที่มีพลังการทำงานสูง เหมาะสำหรับรุ่นที่มีกำลังไฟ 1800 – 2000 วัตต์ 
  • เลือกจากระบบกรองฝุ่น แบบถุงเก็บฝุ่น จะมาพร้อมกับถังเก็บฝุ่นขนาดใหญ่ สามารถเก็บฝุ่นได้เยอะ แต่สามารถฟุ้งกระจายออกมาขณะใช้งานได้ ส่วนแบบไซโคลนจะมีระบบดักจับฝุ่นอยู่ด้านในตัวเครื่อง ทำให้ฝุ่นไม่ฟุ้งกระจายออกมา
  • เลือกจากขนาดของถังเก็บฝุ่น ยิ่งถังมีขนาดใหญ่ก็สามารถเก็บฝุ่นได้มากเท่านั้น 
  • ระยะเวลาการใช้งานต่อเนื่อง 
  • เลือกจากฟังก์ชันการใช้งาน

เพราะฝุ่นมีอยู่รอบตัวเรา เครื่องดูดฝุ่น จึงจัดเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่มีความจำเป็นและควรมีติดบ้านไว้ หากสนใจแบบไหนเลือกซื้อมาใช้งานกันได้ มีให้เลือกหลายรุ่นหลายราคา

เครื่องดูดฝุ่น

สตาร์บัค

พาไปดูที่มาของ สตาร์บัค และโลโก้ที่ไม่ใช่นางเงือก! พร้อมเคล็ดลับการสั่งแบบมือโปร

สตาร์บัค (Starbuck) เป็นแบรนด์สัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งขึ้นโดย กอร์ดอน โบว์เกอร์, เจอร์รี บัลด์วิน และเซฟ ซีเกิล โดยเริ่มจากการเปิดร้านขายเมล็ดกาแฟคั่วเล็ก ๆ จนเมล็ดกาแฟของพวกเขาเริ่มเป็นที่นิยมด้วยเมล็ดกาแฟที่คุณภาพสูง จึงได้เปิดร้านกาแฟขึ้นเป็นสาขาแรกที่เมือง Seattle รัฐ Washington สหรัฐอเมริกา เมื่อปี 1971 ซึ่งก็เป็นเวลากว่า 52 ปีมาแล้ว ปัจจุบันนี้ Starbuck มีสาขาทั่วโลกกว่า 30,000 สาขา โดยสตาร์บัคส์สาขาแรกของโลกยังคงเปิดให้บริการตามปกติ และมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมาจากทั่วโลกเพื่อไปสัมผัสบรรยากาศและลิ้มรสกาแฟที่เป็นสาขาแรกของโลก ส่วนโลโก้ของสตาร์บัคส์ที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นนางเงือกก็ต้องบอกว่าไม่ใช่ เพราะความจริงแล้วเป็นรูป “ไซเรน” โดยได้แรงบันดาลใจมาจากต้นหนเรือบนหัวเรือโบราณที่ใช้แผ่นไม้รูปไซเรนมาประดับไว้

เคล็ดลับการสั่งเครื่องดื่ม Starbucks สั่งอย่างไร ควรรู้อะไรบ้าง?

· เลือกประเภท เครื่องดื่มสตาร์บัค แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เครื่องดื่มร้อน (Hot), เครื่องดื่มเย็น (Iced) และเครื่องดื่มปั่น Frappuccino Blened Baverage เหมือนกับร้านกาแฟแบบทั่วไป แต่จะมีความพิเศษในเรื่องอื่น ๆ 

· เลือกขนาดแก้ว แบ่งออกเป็น 4 ขนาด คือ Short เป็นแก้วขนาด 8 ออนซ์ เป็นแก้วไซซ์เล็กที่ใช้สำหรับเครื่องดื่มเมนูร้อนเท่านั้น , Tall แก้วขนาด 12 ออนซ์ ที่ใช้สำหรับเมนูเย็นและเมนูปั่น, Grande แก้วขนาด 16 ออนซ์ หรือไซซ์กลาง ใช้สำหรับเมนูเย็นและเมนูปั่น เป็นไซซ์ที่นิยมในเครื่องดื่มเย็นแบบทั่วไป และ Venti ไซซ์ใหญ่ ขนาด 20 ออนซ์ สำหรับสั่งเมนูสตาร์บัคแบบเย็นและแบบปั่น โดยชื่อเรียกขนาดแก้วของสตาร์บัคส์จะต่างจากชื่อที่เราเรียกกันทั่วไปอย่าง S, M, L เพราะได้แรงบันดาลใจมาจากร้านกาแฟอิตาลีของ Howard Schultz จึงตั้งชื่อเป็นภาษาอิตาเลียนเพื่อให้แบรนด์ออกมาไม่เหมือนใครนั่นเอง

· เลือกปริมาณคาเฟอีน สามารถเลือกได้ 3 ระดับคือ แบบไม่มีคาเฟีอีน (Decaf ), ระดับปกติ (Regular) และแบบเพิ่มช็อต (Extra Shot) 

· เลือกประเภทของนม ถือเป็นจุดเด่นของสตาร์บัคส์เลย เพราะหากใครแพ้นมวัวก็สามารถเลือกนมชนิดอื่นแทนได้ มีให้เลือก 3 แบบคือ นมสด (Whole), นมขาดมันเนย (Non-Fat) และนมถั่วเหลือง (Soy)

· เลือกประเภทไซรัป (Syrup) แบ่งออกเป็น 5 ประเภทคือ รสวานิลลา (Vanilla), วานิลลาแบบไม่มีน้ำตาล (Sugar-free Vanilla), คาราเมล (Caramel), เฮเซลนัท (Hazelnut) และแรสเบอร์รี (Raspberry)

· เลือกจาก Topping มีให้เลือก 3 ประเภท คือวิปครีม (Whipped Cream), คอฟฟี่เจลลี่ (Coffee Jelly) และจาวาชิป (Java Chip)

· เลือกจากซอสราด มีให้เลือก 2 แบบคือ ช็อกโกแลตซอส (Chocolate Sauce) และคาราเมลซอส (Caramel Sauce)

แนะนำเมนูลับ สตาร์บัค สำหรับคนรักชาเขียว!

หลังจากที่ชาเขียวในตำนานของ สตาร์บัค อย่าง “Green Tea Frappuccino” ได้กลายเป็นไวรัลและโด่งดังไปทั่วโซเชียลจนทำให้มีคนไปต่อแถวซื้อกันยาว ก็มีอีกหนึ่งเมนูสำหรับคนรักชาเขียวที่เราอยากให้เพื่อน ๆ ได้ไปลิ้มลองกัน นั่นคือ ” Extra Green Tea Frappuccino with Java Chip” หรือถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือ ชาเขียวปั่นที่อัด Topping เข้าไปแบบจุก ๆ หอมหวานด้วย Caramel Syrup เพิ่มความละมุนด้วย Whipped Cream และโรยหน้าด้วย Java Chip ให้เคี้ยวเพลินกรุบ ๆ และ Coffee Jelly แบบเด้งดึ๋ง ๆ แล้วราดหน้าด้วย Chocolate Sauce ตบท้ายด้วย Green Tea On Top เพื่อเพิ่มกลิ่นหอม ๆ ของชาเขียวและสีสันที่สวยงาม ที่จะให้เพื่อน ๆ ได้ลิ้มรสชาติที่หวานหอมอร่อยของขาเชียวและเคี้ยวเพลิน ๆ ด้วย Topping แต่หากใครอยากเปลี่ยน Topping หรือ Syrup ก็ทำได้ตามชอบเลย โดยเมนูสตาร์บัคแก้วนี้มีราคาอยู่ที่ 250 บาท

สำหรับใครที่อยากไปลิ้มลองเมนูต่าง ๆ ของ สตาร์บัค สามารถเดินทางไปได้ที่สาขาใกล้บ้าน ซึ่งก็ไม่ได้มีแค่เมนูกาแฟเข้มข้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีเมนูชา เช่น โฮจิฉะ ที ลาเต้ (Hojicha Tea Latte), เมนูช็อกโกแลต เช่น ช็อกโกแลตชิพ ครีม แฟรบปูชิโน่ (Chocolate Chip Cream Frappuccino), เมนูวานิลลา เช่น วานิลลาครีม แฟรบปูชิโน่ (Vanilla Cream Frappuccino), เมนูกาแฟปั่น เช่น คาราเมล แฟรบปูชิโน่ (Caramel Frappuccino) และน้ำผลไม้ เช่น แมงโก้ แพชชั่น ฟรุ๊ต แฟรบปูชิโน่ (Mango Passion Fruit Blended Juice) หากชอบเมนูไหนก็ไปลองสั่งทานกันได้ 

สตาร์บัค

Netflix

รู้หรือไม่? Netflix ไม่ได้มีไว้สำหรับดูหนังเพียงอย่างเดียว แต่ยังเล่นเกม และดูรายการอื่น ๆ ได้จากทั่วโลก!

Netflix Streaming Platform ขนาดใหญ่จากอเมริกาที่มีจุดเริ่มต้นมาจากร้านเช่า DVD ในปี 1997 ที่ทำการตลาดด้วยการให้เช่า DVD แบบออนไลน์ โดยทางร้านจะส่ง DVD ไปให้ทางไปรษณีย์ และเมื่อลูกค้าดูเสร็จก็จะคืนกลับมาให้ทางร้าน แต่ทว่าการขนส่งในสมัยนั้นยังมีความล่าช้าอยู่มาก ทำให้ต้องใช้ระยะเวลานานกว่าที่ DVD จะไปถึงมือลูกค้า และนานกว่าที่ DVD จะถูกส่งกลับมาทางร้านเพื่อให้ผู้อื่นเช่าต่อ จึงได้เปลี่ยนเป็นการใช้ระบบสมาชิกรายเดือนที่สามารถเลือกเช่า DVD กี่เรื่องก็ได้ แต่ก็ยังประสบปัญหาอยู่ จนเมื่อ “Reed Hastings” CEO หนุ่มได้เข้ามาดูแลและพัฒนาระบบ Movie Recommendations ขึ้น เพื่อใช้แนะนำภาพยนตร์ จึงทำเน็ตฟลิกซ์ให้เป็นรู้จักมากขึ้น และในปี 2013 ก็ได้ผลิตซีรีส์เรื่องแรกเป็นของตัวเองขึ้น ชื่อว่า “House of card” และตามมาด้วยซีรีส์และภาพยนตร์ที่ได้ดาราดังจากฝั่ง Hollywood มาร่วมแสดงมากมาย จนทำให้เป็น Streaming Platform ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และมีผู้ใช้บริการมากถึง 130 ประเทศทั่วโลก

จุดเด่นของ Netflix ที่ทำให้ใครต่างก็หันมาเลือกใช้บริการ

· ดูได้ไม่อั้น ทุกที่ ทุกเวลา Netflix ให้คุณรับชมภาพยนตร์และรายการต่าง ๆ บนแอปพลิเคชันได้แบบไม่อั้นทุกที่ ทุกเวลา ดูกี่เรื่องก็ได้ ดูตอนไหนก็ได้ ดูมากเท่าไหร่ก็ได้ ไม่มีค่าบริการเพิ่ม

· มีภาพยนตร์ ซีรีส์ และรายการต่าง ๆ ให้ชมจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ รายการทีวี สารคดี วาไรตี้ เรียลลิตี้ ทอล์กโชว์ หรืออนิเมะ ที่มีให้เลือกชมทั้งจากฝั่งฮอลลิวู้ดและแถบเอเชียหลากหลายแนว

· อัปเดตใหม่ ที่แรกก่อนใคร ไม่พลาดภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือรายการใหม่ ๆ อัปเดตให้คุณได้ดูที่แรกก่อนใครแบบไม่เอาท์

· ดูได้ทุกอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน, แท็บเล็ต, แล็ปท็อป, PlayStation, Xbox, เครื่องเล่น Blu-ray, Chromecast, TV และอื่น ๆ 

· ดาวน์โหลดเนื้อหาไว้รับชมออฟไลน์ได้ หากใครไม่สะดวกรับชมแบบออนไลน์ก็สามารถดาวน์โหลดไว้ชมแบบออฟไลน์ได้

· เล่นเกมได้ เน็ตฟลิกซ์เป็น Streaming Platform เพื่อความบันเทิงจึงมีเกมออกมาให้เล่นฟรีแบบสนุก ๆ ไม่ว่าจะเป็น Stranger Things: 1984, Shooting Hoops, Card Blast , Stranger Things 3, Teeter Up ที่สามารถเล่นได้ฟรี

· ตั้งโหมดการรับชมสำหรับเด็กได้ เพื่อควบคุมการใช้งานสำหรับเด็กในทางที่เหมาะสม

· เพิ่มเป็นรายการโปรดไว้ดูย้อนหลังได้ หากถูกใจเรื่องไหนก็กดถูกใจไว้ใน “รายการของฉัน” เพื่อรับชมภายหลังได้

· ตั้งค่าคำบรรยายและเสียงบรรยายได้ เลือกชมได้ทั้งแบบซับไทยและแบบพากย์ไทย เลือกได้หลายภาษาจากทั่วโลก

ขั้นตอนการสมัคร เน็ตฟลิกซ์ ไม่มีบัตรเครดิตก็สมัครได้!

· ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน แอปพลิเคชัน เน็ตฟลิกซ์ สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ iOS และ Android โดยระบบ iOS ดาวน์โหลดใน App Store และระบบ Android ดาวน์โหลดใน Google Play 

· กด “สมัครใช้งาน” กรอกข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วน กรอกอีเมลที่ใช้ในปัจจุบันและสร้างรหัสผ่านไว้สำหรับการเข้าใช้บริการ

· เลือกแพ็คเกจที่ต้องการสมัคร แพ็คเกจเน็ตฟลิกซ์ แบ่งออกเป็น 4 แพ็คเกจหลักคือ 

แพ็คเกจสำหรับการใช้งานบนมือถือ จะอยู่ที่ราคา 99 บาท/เดือน ความละเอียดสูงสุด 480p สามารถรับชมได้ในสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต, แพ็คเกจพื้นฐาน ราคา 279 บาท/เดือน ความละเอียดสูงสุด 480p รับชมได้ในสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต พิวเตอร์ และทีวี, แพ็คเกจมาตรฐาน ราคา 349 บาท/เดือน ดูได้พร้อมกัน 2 บัญชีในบ้านเดียวกัน ความละเอียดสูงสุดระดับ HD 1080p รับชมได้ในสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต พิวเตอร์ และทีวี, แพ็คเกจพรีเมียม ราคา 419 บาท/เดือน รองรับการใช้งานสูงสุด 5 บัญชี ความละเอียดสูงระดับ 4K + HDR รับชมได้ในสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต พิวเตอร์ และทีวี

· เลือกช่องทางการชำระเงิน มีให้เลือก 3 ช่องทางคือ การชำระค่าบริการด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ชำระรวมกับค่าบริการมือถือในระบบ AIS และวิธีการชำระผ่าน Code รหัสของขวัญ ด้วยการซื้อ Code รหัสจากร้านสะดวกซื้อและนำ Code รหัสมากรอกเพื่อชำระเงิน เท่านี้ก็เริ่มรับชมความสนุกต่าง ๆ ได้แล้ว

สำหรับใครที่ชอบดูภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือรายการต่าง ๆ แนะนำว่าไม่ควรพลาดที่จะดาวน์โหลด เน็ตฟลิกซ์ มาไว้ใช้งาน เพราะมีให้เลือกชมทั้งใหม่และเก่า สามารถรับชมได้ยาว ๆ จากภาคต่อต่าง ๆ แบบไม่มีสะดุด เพลิดเพลินได้ทั้งครอบครัว

netflix

ไมโครเวฟ

เมนูไม่ซ้ำ จดสูตรไว้ได้ ทำตามแสนง่ายด้วย ไมโครเวฟ

หากพูดถึงการอุ่นอาหารที่สะดวกสบายในชั่วโมงเร่งด่วน เชื่อได้ว่าทุกคนต้องนึกถึง ไมโครเวฟ เป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน แต่ใครจะรู้ว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ไม่เพียงแต่สามารถอุ่นอาหารได้เท่านั้น ยังสามารถทำอาหารได้อีกหลากหลายเมนูด้วย ไม่ว่าจะเป็นต้ม นึ่ง ย่าง หรือแม้กระทั่งทอดก็สามารถทำได้เหมือนกัน ซึ่งเตาอบไมโครเวฟจะปล่อยคลื่นความถี่ให้ความร้อนแก่อาหารจนอาหารสุกพร้อมรับประทาน โดยที่ยังคงคุณค่าของสารอาหารไว้ครบถ้วน

หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาว่าคลื่นความถี่ที่เตาปล่อยออกมานั้นเป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค แต่ความจริงแล้วไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย เพราะคลื่นความถี่ประเภทนี้จะมีหน้าที่แค่เดินทางผ่านอาหารแล้วสลายหายไปในทันที ไม่มีการเก็บสะสมหรือตกค้างในอาหาร

เลือกประเภทของไมโครเวฟให้เข้ากับสไตล์อาหารที่ชอบ

· เตาประเภทธรรมดา 

เตาประเภทนี้เป็นเตาที่เราใช้ในครัวเรือนทั่วไป ถือว่าเป็นไมโครเวฟแบบแรก ๆ ที่วางขายในตลาดเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นเตาประเภทที่คลาสสิคที่สุดก็เลยทำให้ไม่ได้มีลูกเล่นให้เลือกใช้งานเยอะเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามเตาประเภทธรรมดาก็สามารถอุ่นอาหาร ละลายน้ำแข็ง และทำอาหารเมนูต้มง่าย ๆได้

· เตาประเภทย่าง 

เป็นเตารุ่นอัปเกรดจากเตาแบบเดิม ๆ เพราะเตาประเภทนี้สามารถทำงานได้เหมือนเตาแบบธรรมดาทั้งหมด แต่ความพิเศษที่เพิ่มมาคือ เตาประเภทย่างจะเพิ่มขดลวดนำความร้อนเข้าไปในตัวเตาด้วย จึงทำให้เราสามารถทำอาหารเมนูประเภทย่างเพิ่มขึ้นมาได้ แถมยังนำไปใช้อบได้อีกด้วย 

· เตาประเภทอบไอน้ำ

เตาประเภทอบไอน้ำอาจจะยังไม่ได้รับความนิยม ทำให้ใครหลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก แต่ทว่าเตาประเภทอบไอน้ำถือได้ว่าเป็นเตาอบไมโครเวฟที่น่าสนใจมาก เพราะไอน้ำจากเตาจะช่วยให้อาหารที่เราอุ่นไม่แห้งจนเกินไป แถมยังรักษาคุณภาพของอาหารได้ดีที่สุดด้วย

· เตาประเภทอบลมร้อน

หากใครคนไหนเป็นสายหวานที่รักการทำขนมเป็นชีวิตจิตใจ แนะนำให้ต้องมีเตาอบลมร้อนติดบ้านไว้สักหนึ่งเครื่อง เพราะความพิเศษของไมโครเวฟประเภทนี้คือ การเป่าลมร้อนหมุนเวียนภายในเตา ทำให้เราสามารถอบขนมได้ออกมาหน้าตาสวยงามน่ารับประทาน

แจก 3 เมนูเด็ดจา กไมโครเวฟ ทำง่ายแถมได้ประโยชน์

· ไข่ตุ๋นเห็ดหอมผักสามสี

1) เตรียมส่วนผสมเพื่อทำไข่ตุ๋น ดังนี้ ไข่ไก่, เห็ดหอม, ข้าวโพด, ถั่วลันเตา, แครอท, ซีอิ๊วขาว และน้ำเปล่า

2) ตอกไข่ไก่ตามจำนวนที่ต้องการลงในชามเซรามิก

3) เติมซีอิ๊วขาวประมาณ 1 ช้อนชา

4) เติมน้ำเปล่าลงไป ¼ ของปริมาณไข่ไก่ที่อยู่ในชาม

5) ใส่เห็ดหอมและผักสามสีลงไป จากนั้นคนให้เข้ากันโดยระวังไม่ให้เกิดฟอง เพื่อให้หน้าตาไข่ตุ๋นสวยงาม

6) นำชามที่เตรียมไว้เข้าไมโครเวฟ ตั้งความร้อนระดับปานกลางเป็นเวลา 5 นาที เท่านี้ไข่ตุ๋นเห็ดหอมผักสามสีก็พร้อมรับประทานแล้ว เพียงแค่มีเตาอบแบบธรรมดาก็สามารถทำได้

·  สเต๊กหมูเทอริยากิ

1) เตรียมส่วนผสมเพื่อทำสเต๊ก ดังนี้ สันในหมูและซอสเทอริยากิ

2) ใช้ส้อมจิ้มสันในหมูแล้วเคล้าด้วยซอสเทอริยากิให้ทั่วชิ้น

3) เก็บหมูที่หมักเอาไว้ในช่องฟรีซประมาณ 1 ชั่วโมง

4) นำหมูที่หมักไว้เข้าเตาอบประเภทย่าง ตั้งความร้อนระดับปานกลางเป็นเวลา 15-20 นาที 

5) นำสเต๊กหมูเทอริยากิจัดใส่จาน และเพิ่มเครื่องเคียงอื่น ๆ ได้ตามใจชอบ

· บราวนี่คลีน

1) เตรียมส่วนผสมเพื่อทำบราวนี่คลีน ดังนี้ กล้วยหอม, ผงโกโก้, แป้งอัลมอนด์ , นมอัลมอนด์ และผงฟู

2) บดกล้วยหอมให้ละเอียดใส่ในถ้วยเซรามิก

3) เติมผงโกโก้และแป้งอัลมอนด์ลงในถ้วยอย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ

4) ใส่ผงฟูลงไปเพียงปลายช้อนเท่านั้น

5) เติมนมอัลมอนด์ลงไป 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นคนให้กลายเป็นเนื้อเดียวกัน

6) นำบราวนี่ใส่ในเตาอบลมร้อน พร้อมตั้งเวลาอบประมาณ 4-5 นาที กำหนดความร้อนระดับสูงสุดเพื่อให้หน้าของขนมกรุบกรอบน่ารับประทาน

และนี่ก็คือเมนูอาหารทั้งหมดที่สามารถทำตามง่าย ๆเพียงแค่มี ไมโครเวฟ ที่เรานำมาฝากกัน คาดว่าคงถูกใจทั้งเชฟมือใหม่และเชฟมือโปร ดังนั้นหากอยากได้เตาอบที่ตอบโจทย์สักเครื่อง ลองคิดถึงประเภทอาหารที่เราชอบก่อน จากนั้นเราจะได้เตาอบไมโครเวฟที่ถูกใจอย่างแน่นอน

ไมโครเวฟ

อากรแสตมป์ 30 บาท

รู้ก่อนใช้! อากรแสตมป์ 30 บาท คืออะไร? ใช้งานแบบไหน? 

อากรแสตมป์ 30 บาท หรือตราสาร คือภาษีประเภทหนึ่งตามประมวลรัษฎากรที่ทางรัฐเรียกเก็บเมื่อมีการไปติดต่อเพื่อจัดทำเอกสารทางราชการหรือหนังสือสัญญาต่าง ๆ ขึ้นมาในรูปแบบต่าง ๆ โดยจะต้องนำอากรแสตมป์ตามจำนวนที่เรียกเก็บปิดไว้บนเอกสารเพื่อใช้เป็นหลักฐานทางกฎหมาย เพราะหากไม่มีอากรแสตมป์หรือติดไม่ครบจำนวนที่เรียกเก็บก็ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เพราะจะถือว่าเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์ ซึ่งการติดต่อราชการในแต่ละรูปแบบนั้นก็จะเรียกเก็บอากรแสตมป์ไม่เท่ากัน และเพื่อเป็นการป้องกันการนำไปใช้อย่างผิดวิธี เราจึงมีวิธีการใช้อากรแสตมป์แบบสามสิบบาทมาบอกกันว่าใช้งานแบบไหนและต่างจากแสตมป์ทั่วไปอย่างไร?

อากรแสตมป์ เหมือนกับแสตมป์ทั่วไปหรือไม่?

หลายคนเข้าใจผิดคิดว่า อากรแสตมป์ นั้นเหมือนกับแสตมป์แบบทั่วไป แต่ความจริงแล้วไม่เหมือนกัน หากนำแสตมป์แบบทั่วไปไปติดจะทำให้เอกสารใช้ไม่ได้หรือไม่สมบูรณ์ โดยอากรแสตมป์ จะมีขนาดที่ใกล้เคียงกับแสตมป์ทั่วไป แต่จะมีตัวอักษรกำกับเอาไว้ที่ด้านบนว่า “อากรแสตมป์” และด้านล่างจะเป็นจำนวนค่าเงินของอากรแสตมป์ แบ่งออกเป็น 3 แบบคือ แบบ 1 บาท, 5 บาท และ 20 บาท โดยจะต้องนำมาติดให้ครบตามจำนวนที่รัฐเรียกเก็บ ต่างจากแสตมป์แบบทั่วไปที่เป็นรูปภาพลวดลายต่าง ๆ เป็นแสตมป์ ติดจดหมายที่ใช้สำหรับการขนส่งทางไปรษณีย์ ไม่สามารถนำมาใช้แทนกันได้ หากใครที่ไปติดต่อราชการก็อย่าลืมตรวจสอบดูให้ดีว่ารัฐเรียกเก็บอากรแสตมป์แบบไหนและจำนวนเท่าไหร่ เพื่อไม่เผลอนำแสตมป์แบบทั่วไปไปติด เพราะนอกจากจะใช้ไม่ได้แล้วยังทำให้เสียเวลาด้วย

อากรแสตมป์ ใช้อย่างไร เหมาะสำหรับการใช้งานแบบไหน?

สแตมป์อากรจะใช้กับใบมอบอำนาจที่ทางรัฐออกให้ตาม ประมวลรัษฎากร มาตรา 113 ที่กำหนดเอาไว้ว่า “(ก) มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียว หรือหลายคนกระทำการครั้งเดียว ปิดอากรแสตมป์ 10 บาท(ข) มอบอำนาจให้บุคคลคนเดียว หรือหลายคนร่วมกระทำการมากกว่าครั้งเดียว อากรแสตมป์ (ค) มอบอำนาจให้กระทำการ มากกว่าครั้งเดียว โดยให้บุคคลหลายคนต่างคนต่างกระทำกิจการแยกกันได้ คิดตามรายตัวบุคคลที่รับมอบคนละสามสิบบาท”

หมายความว่าอากรแสตมป์นั้นจะใช้สำหรับเอกสารมอบอำนาจในวรรค (ข) ที่เราต้องการมอบอำนาจให้ผู้อื่นไปจัดการแทนมากกว่า 1 ครั้ง แต่ทุกครั้งที่ไปจัดการเรื่องเอกสารจะต้องเป็นคนเดียวกันเสมอ ใช้อากรแสตมป์ 30 บาท แต่หากมีการเปลี่ยนผู้รับมอบอำนาจเป็นคนใหม่ในครั้งต่อไปหรือใช้หลายคน ตามความหมายของวรรค (ค) ผู้รับมอบอำนาจแต่ละคนก็จะต้องเสียค่าอากรแสตมป์ คนละ 30 บาทต่อการติดต่อ เช่น ใช้ผู้รับมอบอำนาจ 2 คน ก็จะต้องเสียอากรแสตมป์ รวม 60 บาท

อากรแสตมป์ 30 บาท มีจำหน่ายที่ไหนบ้าง?

· ไปรษณีย์ไทย สามารถหาซื้อ อากรแสตมป์ ได้ที่ไปรษณีย์ไทยทุกสาขาทั่วประเทศ โดยเข้าไปแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ได้เลยว่าต้องการซื้ออากรแสตมป์จำนวนเท่าไหร่ หรือหากใครไม่แน่ใจว่าเอกสารของตัวเองใช้อากรแสตมป์จำนวนเท่าไหร่ก็สามารถสอบถามเจ้าหน้าที่ได้ เพื่อช่วยป้องกันความผิดพลาด

· กรมสรรพากร สามารถหาซื้อได้ทุกสาขาเช่นกัน เพราะกรมสรรพากรเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการจัดทำเอกสารทางราชการต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องติดอากรแสตมป์อยู่แล้ว จึงมีจำหน่ายสำหรับผู้ที่มาติดต่อเพื่อความสะดวก หากใครหาไม่เจอก็สอบถามเจ้าหน้าที่ได้เลย

· จุดให้บริการของรัฐ หรือสถานที่ราชการต่าง ๆ ที่โดยส่วนใหญ่จะมีวางจำหน่ายเพื่อความสะดวกในการจัดทำเอกสาร

· ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน เช่น ร้าน 7 – 11, ร้านหนังสือ, ร้านเครื่องเขียน ที่มักจะมีแสตมป์จำหน่าย ซึ่งในแต่ละสาขาอาจไม่เหมือนกัน บางสาขามี บางสาขาอาจไม่มี จึงควรสอบถามก่อนว่ามีจำหน่ายหรือไม่ 

· ช่องทางออนไลน์ หากใครไม่สะดวกเดินทางก็สั่งซื้อในร้านค้าออนไลน์ได้ มีให้เลือกหลายแบบ สั่งซื้อได้ไม่จำกัดจำนวน ไม่ว่าต้องการเท่าไหร่ก็สั่งซื้อได้เลย มีบริการจัดส่งถึงที่บ้าน และอย่าลืมเลือกร้านค้าที่ดูน่าเชื่อถือ มีประวัติการขายที่ดีและมีสินค้าเพียงพอกับความต้องการ เพื่อไม่ต้องซื้อจากหลายร้าน

ได้ทราบเกี่ยวกับ อากรแสตมป์ กันไปแล้ว หากใครที่ไปติดต่อราชการก็อย่าลืมตรวจสอบดูให้ดีว่าเอกสารที่นำไปติดต่อนั้นใช้อากรแสตมป์จำนวนเท่าไหร่ เพื่อเตรียมไปได้ถูกต้อง ช่วยให้ประหยัดเวลาและสามารถจัดทำเอกสารได้อย่างรวดเร็ว 

อากรแสตมป์ 30 บาท

โต๊ะสนุกเกอร์

อยากได้ โต๊ะสนุกเกอร์ มาไว้เล่นที่บ้านควรเลือกแบบไหนดี? ดูที่อะไรบ้าง?

โต๊ะสนุกเกอร์ เป็นอุปกรณ์หลักในการเล่นสนุกเกอร์ที่ส่งผลต่อการเล่นค่อนข้างมาก โดยกีฬาสนุกเกอร์นั้นได้พัฒนามาจากกีฬาบิลเลียดที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 16 เป็นกีฬาที่นิยมเล่นในกองทัพอังกฤษในสมัยที่ประจำฐานอยู่ในประเทศอินเดีย และในหมู่เชื้อพระวงศ์ แต่ในสมัยนั้นจะมีเพียงแค่โต๊ะและหลุมเพียงอย่างเดียว ต่อมาในศตวรรษที่ 19 นายทหารระดับผู้พัน ชื่อ “Sir Neville Francis Fitzgerald Chamberlain” ก็ได้เสนอขึ้นมาว่า กีฬาชนิดนี้น่าจะมีลูกสีที่มีคะแนนเพิ่มเข้ามาเพื่อให้สนุกมากขึ้น และในระหว่างที่กำลังเล่นอยู่ก็มีผู้เล่นที่แทงลูกไม่ตรงเป้า ผู้พันเลยพูดแซวขึ้นมาว่า “A Real Snooker” มีความหมายประมาณว่า เล่นไม่ชำนาญเลย จนทำให้คำว่า Snooker ได้กลายเป็นชื่อเรียกของกีฬาชนิดนี้ ต่อมาในปี 1885 “John Robert Powers” นักกีฬาบิลเลียดชาวอังกฤษก็เดินทางไปพบกับผู้พันที่ประเทศอินเดีย และได้เล่นกีฬาชนิดนี้ด้วยกัน และเมื่อเขากลับมาถึงอังกฤษก็ได้นำกีฬาชนิดนี้มาเผยแพร่ให้ชาวอังกฤษและทั่วโลกได้เห็นด้วย จนทำให้ Snooker กลายเป็นกีฬาที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมตั้งแต่นั้นมา

หลักการเล่นสนุกเกอร์ และโต๊ะพืนฐานควรมีขนาดเท่าไหร่? เล่นอย่างไร?

โต๊ะสนุกเกอร์ ขนาดมาตรฐานจะอยู่ที่ 11 ฟุต x 5 ฟุต ความสูงเมื่อวัดจากพื้นขึ้นมาถึงขอบจะอยู่ที่ 2 ฟุต – 2 ฟุต มีหลุมตามมุมทั้งหมด 6 หลุม แบ่งออกเป็น หลุมบน 2 หลุม, หลุมล่าง 2 หลุม, หลุมกลาง 2 หลุม ส่วนลูกสนุกเกอร์จะมีทั้งหมด 21 ลูก โดยทุกลูกจะต้องมีน้ำหนักที่เท่ากันและมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 มิลลิเมตร ประกอบไปด้วย ลูกสีแดง จำนวน 15 ลูก และลูกสีอื่น ๆ อย่างละ 1 ลูก โดยลูกสีแดง = 1 แต้ม, สีเหลือง = 2 แต้ม, สีเขียว = 3 แต้ม, สีน้ำตาล = 4 แต้ม, สีน้ำเงิน = 5 แต้ม, สีชมพู = 6 แต้ม และสีดำ = 7 แต้ม 

วิธีการเล่น จะเริ่มจากการแทงลูกสีขาว หรือ “คิวบอล” เพื่อให้ไปกระทบกับลูกสีแดงให้ลงหลุมก่อนจึงจะสามารถเล่นต่อได้ โดยต้องแทงลูกสีแดงบนโต๊ะสนุ๊กให้หมดทั้ง 15 ลูกก่อน แล้วจึงเล่นลูกสีได้ แล้วจะไล่แทงจากลูกสีที่มีแต้มน้อยที่สุดไปหามากที่สุด และแทงลูกสีดำลงหลุมเป็นลำดับสุดท้าย เมื่อแทงลงก็จะเป็นผู้ชนะในเฟรมนั้นไป

การเลือกซื้อโต๊ะสนุกเกอร์ต้องดูที่อะไรบ้าง?

· เลือกจากโครงสร้างและวัสดุ สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับแรกในการเลือกซื้อ โต๊ะสนุกเกอร์ คือ โครงสร้างและวัสดุ ที่ควรมีโครงสร้างที่ผลิตจากวัสดุที่มีความแข็งแรงสูง เพื่อช่วยรองรับน้ำหนักของผู้เล่นและช่วยป้องกันแรงสั่นสะเทือนขณะเล่น ไม่โยกไปโยกมา ขาโต๊ะควรผลิตจากไม้คุณภาพดีที่มีความแข็งแรงทนทานสูง

· วัสดุของพื้นโต๊ะ เป็นตำแหน่งสำคัญในการแทงลูก พื้นโต๊ะควรมีความเรียบเสมอกัน เพื่อการลื่นไหลของลูกที่สมบูรณ์ ไม่เอียงไปด้านใดด้านหนึ่งหรือเป็นหลุมเป็นเนิน เช่น พื้นโต๊ะที่ผลิตจากหินแกรนิต ที่มีความเรียบเนียนสูง และการบุผนังโต๊ะด้วยผ้าสักหลาดที่มีพื้นผิวมีความเรียบเนียน ช่วยให้ลูกไหลไปในทิศทางต่าง ๆ ได้อย่างคล่องตัว

· เลือกขนาด ปัจจุบันนี้โต๊ะสนุ๊กมีให้เลือกหลายขนาด มีตั้งแต่ขนาดเล็กสำหรับเด็กหรือมือใหม่หัดเล่น เช่น ขนาด 2.5 x 5.0 ฟุต ที่ออกแบบมาให้พับเก็บได้เพื่อความสะดวก และขนาดใหญ่สำหรับมือโปร 12 ฟุต เป็นขนาดจริงที่ใช้ในการแข่งขันกีฬา 

· ลักษณะการใช้งาน หากต้องการความหลากหลายควรเลือกโต๊ะที่รองรับการใช้งานได้หลายแบบ เพราะโต๊ะบางรุ่นออกแบบมาให้เล่นได้ทั้งสนุกเกอร์ บิลเลียด และพูลเลย

· อุปกรณ์ที่ให้มา โดยอุปกรณ์หลัก ๆ ที่ควรมีให้มาคือ ไม้คิวและลูกสนุกเกอร์ 1 ชุด 

· ฟังก์ชันการใช้งาน เช่น พับเก็บได้ เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้ายและการจัดเก็บ

โต๊ะสนุกเกอร์ มีให้เลือกตั้งแต่ราคาหลักพันไปจนถึงหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิตและโครงสร้างต่าง ๆ หากใครที่ชอบเล่นสนุกเกอร์สามารถสั่งซื้อมาไว้เล่นที่บ้านได้ อาจเริ่มจากโต๊ะขนาดเล็ก ๆ สำหรับฝึกฝนก่อนก็ได้ หรือหากใครที่เป็นมือโปรแล้วก็จัดโต๊ะใหญ่ได้เลย

โต๊ะสนุกเกอร์

โต๊ะม้าหิน

ไขข้อข้องใจ! ทำไม โต๊ะม้าหิน ถึงเป็นที่นิยมมายาวนาน ดีอย่างไร มีแบบไหนให้เลือกใช้บ้าง?

โต๊ะม้าหิน เฟอร์นิเจอร์หน้าบ้านที่เชื่อว่าหลายคนจะต้องคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่นิยมใช้กันแทบทุกบ้าน จนคิดว่าโต๊ะหินอ่อนนั้นเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านเราไปแล้ว แต่ทราบหรือไม่ว่าความจริงแล้วโต๊ะหินอ่อนนั้นมีจุดกำเนิดมาไกลจากเมืองเวนิส ประเทศอิตาลี โดยได้เริ่มจากกลุ่มผู้รับเหมาที่เห็นเศษหินอ่อนต่าง ๆ แล้วรู้สึกเสียดาย เพราะคิดว่าน่าจะนำไปใช้ประโยชน์ได้มากกว่าการกองทิ้งไว้ จึงได้นำเศษหินอ่อนต่าง ๆ มาผสมกับปูนและขัดผิวให้เรียบเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ โต๊ะม้าหินส่วนใหญ่จึงมีลวดลายของหินอ่อนหรือกรวดด้านในที่ไม่ได้ทำให้ดูแปลกตา แต่กลับทำให้ดูสวยงามและเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเฟอร์นิเจอร์ชิ้นนี้เลย

ประเภทของ โต๊ะม้าหิน และความแตกต่าง

· หินอ่อนแท้ เป็นโต๊ะม้าหินที่ผลิตมาจากหินอ่อนแท้ โดยการนำเศษหินอ่อนมาขึ้นรูป ขัดผิวให้เรียบ และขัดเงาเพื่อความสวยงาม เป็นเฟอร์นิเจอร์แบบธรรมชาติที่ดูคลาสสิก โดยโต๊ะแต่ละตัวจะมีลวดลายที่ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับลายหินด้านในว่าจะออกมาเป็นลายแบบไหน แต่การใช้หินอ่อนแท้ก็จะส่งผลต่อการใช้งานในเรื่องของรอยแตกลายของหิน ที่ทำให้น้ำซึมเข้าไปจนทำให้เกิดเชื้อราหรือตะไคร่น้ำหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล เป็นโต๊ะนั่งเล่นที่นิยมตั้งไว้ตามหน้าบ้าน หลังบ้าน ใต้ต้นไม้ หรือตามร้านอาหารต่าง ๆ 

· หินอ่อนสังเคราะห์ คือการใช้หินสังเคราะห์ในการผลิต มีลวดลายที่คล้ายกับหินอ่อนแท้แต่จะมีลวดลายให้เลือกหลากหลายกว่า มีการเพิ่มสีสันและเติมแต่งลวดลายเข้าไป มีน้ำหนักที่เบากว่า และทนต่อสภาพอากาศได้ดี มีการเคลือบป้องกันเชื้อรา กรด – ด่าง ทำให้ดูแลง่าย อีกทั้งยังมีคุณสมบัติไม่ลามไฟด้วย เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่นิยมใช้ตกแต่งภายในบ้าน 

จุดเด่นของโต๊ะม้าหินที่ทำให้ใครต่างก็เลือกใช้

· มีลวดลายที่สวยงาม เป็นเอกลักษณ์ โต๊ะม้าหินอ่อนมีลายที่ดูเป็นธรรมชาติและมีความสวยงามอยู่ในตัวอยู่แล้ว เมื่อมองดูจะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สามารถตกแต่งเข้ากับธรรมชาติได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะใช้ตกแต่งสวนหรือบ้านสไตล์ไหน ช่วยให้บรรยากาศดูเย็นสบายและน่าอยู่ขึ้น

· มีความทนทานสูง ต้องยกให้เป็นโต๊ะนั่งเล่นที่ยืนหนึ่งในเรื่องของความแข็งแรงทนทานเลย เพราะรองรับน้ำหนักได้หลายกิโลกรัม สามารถนั่งได้หลายคน ใช้วางของหนักได้ ไม่แตกหรือบิ่นง่าย

· ทนต่อสภาพอากาศได้ดี เป็นโต๊ะที่เหมาะสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง ทนแดด ทนฝน ไม่ผุกร่อนหรือเป็นรอยง่าย 

· ดูแลง่าย เป็นโต๊ะที่แทบจะไม่ต้องดูแลอะไรเลยก็ว่าได้ เพราะดูแลง่าย ทำความสะอาดง่าย แต่จะมีปัญหาในเรื่องของเชื้อราที่ต้องหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ

· มีอายุการใช้งานนานหลายปี โต๊ะม้าหินสามารถใช้นานเป็นสิบ ๆ ปี หากมีการดูแลอยู่เสมอ ซื้อครั้งเดียวไม่ต้องซื้อใหม่เลย

เคล็ดลับการดูแลโต๊ะม้าหินให้สะอาดน่าใช้อยู่เสมอ

· ทำความสะอาดหลังใช้งาน หลังจากใช้ โต๊ะม้าหินแล้ว เช่น หลังรับประทานอาหาร ควรเช็ดทำความสะอาดทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เศษอาหารหรือคราบต่าง ๆ ติด

· เช็ดทำความสะอาดทันทีเมื่อมีคราบสกปรก หากเห็นว่ามีคราบสกปรกติด ควรรีบเช็ดทำความสะอาดทันที เช่น ขี้นก เพราะหากปล่อยไว้จะทำให้เช็ดออกยาก

· ไม่ควรปล่อยให้มีคราบฝังลึก เช่น เชื้อรา ควรขัดออกและหมั่นทำความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อความสวยงามและสุขอนามัยที่ดี

· หลีกเลี่ยงการตั้งไว้ใต้ต้นไม้ที่มียาง เช่น ใต้ต้นมะม่วง เพราะยางไม้จะทำให้ม้าหินมีคราบดำและทำความสะอาดยาก

· ลงน้ำยาเคลือบเงาเพื่อช่วยรักษาสภาพผิว โดยการนำน้ำยาเคลือบเงาผสมน้ำแล้วฉีดพ่นและขัดให้ทั่ว ควรทำทุก ๆ 6 เดือน

โต๊ะม้าหินมีผลิตออกมาให้เลือกหลายรูปทรง เช่น ทรงกลม ทรงรี ทรงเหลี่ยม มีทั้งแบบมีพนักพิงหลังและแบบที่ไม่มีพนักพิงหลัง มีให้เลือกทั้งแบบที่เป็นหินอ่อนเปลือย ที่ใช้หินอ่อนทั้งหมด และแบบท็อปโต๊ะหินอ่อน ที่มีแค่หน้าโต๊ะเท่านั้นที่ผลิตจากหินอ่อน นอกนั้นผลิตจากวัสดุอื่น

โต๊ะม้าหิน