แอร์ 18000 BTU

แอร์ 18000 BTU เหมาะสำหรับห้องขนาดเท่าไหร่ ควรเลือกซื้อแบบไหนดี?

เมื่อหน้าร้อนมาถึง หลายคนก็เริ่มมองหาแอร์ไว้ติดตั้งเพื่อช่วยดับร้อน แต่ทราบหรือไม่ว่า แอร์ 18000 BTU หรือแอร์ที่คุณกำลังจะติดตั้งนั้นเหมาะสำหรับการติดตั้งในห้องแบบไหน? เพราะแอร์แต่ละขนาดออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต่างกัน หากเลือกใช้ไม่ถูกประเภทจะทำให้ห้องร้อน ติดแอร์แล้วแต่ทำไมถึงรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็นหรือมีค่าไฟที่ขึ้นสูง? สำหรับใครที่มีแพลนจะติดแอร์เราก็มีเรื่องดี ๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อแอร์มาบอกกันว่า แอร์แต่ละขนาดเหมาะสำหรับห้องแบบไหน? แอร์ประเภทนี้เหมาะสำหรับห้องของคุณหรือไม่? และควรเลือกซื้อแบบไหนดี?

รู้ก่อนติดตั้ง! แอร์ 18000 BTU เหมาะกับห้องแบบไหน พื้นที่เท่าไหร่ถึงจะเย็น?

แอร์แบบ18000 บีทียู เป็นแอร์ที่มีค่า BTU (British Thermal Unit) อยู่ในระดับกลางที่ไม่สูงและต่ำจนเกินไป โดยค่า บีทียู แอร์ นั้นก็คือหน่วยที่ใช้บอกค่าความเย็นของแอร์ ที่ยิ่งมีค่า บีทียู สูงเท่าไหร่ก็สามารถทำความเย็นได้มากเท่านั้น แต่หลักการทำความเย็นก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับค่า บีทียู แอร์ เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับพื้นที่ห้องและตำแหน่งในการติดตั้งด้วย โดยสามารถคำนวณหาค่าได้ง่าย ๆ โดยใช้สูตร “BTU = พื้นที่ห้อง คือ (กว้าง x ยาว ) x ตัวแปร” ซึ่งค่าตัวแปรจะแบ่งออกเป็น 3 แบบคือ 700 – 800 : สำหรับห้องที่ไม่โดนแดด, 800 – 900 : ห้องที่ใช้งานช่วงกลางวันเป็นประจำ และ 900 – 1,000 สำหรับห้องที่โดดแดดตลอดวัน

สำหรับแอร์แบบนี้จะเหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องทำงาน แบ่งออกเป็น 2 แบบคือ ห้องที่ไม่ได้โดนแดดบ่อย เหมาะสำหรับห้องขนาด 22 – 24 ตารางเมตร แต่หากเป็นห้องที่โดนแดดบ่อย เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาด 19 – 21 ตารางเมตร เพราะห้องที่โดดแดดบ่อยจะมีอุณหภูมิภายในห้องที่สูงกว่าห้องที่ไม่โดดแดด ทำให้แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อทำความเย็นให้ถึงจุดที่ตั้งไว้ หากนำไปติดตั้งในห้องขนาดใหญ่จะทำให้กินไฟเพิ่มขึ้นและต้องใช้เวลานานกว่าห้องจะเย็น ซึ่งก็ไม่ได้ส่งผลเสียแค่ในเรื่องของค่าไฟที่เพิ่มขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้แอร์ทำงานหนักและมีอายุการใช้งานที่สั้นลงด้วย

รู้หรือไม่? ทำไม แอรระบบอินเวอร์เตอร์ถึงเป็นที่นิยม ดีอย่างไร?

· ประหยัดไฟมากกว่า แอร์ระบบอินเวอร์เตอร์สามารถประหยัดไฟได้มากกว่าแอร์ระบบธรรมดาถึง 30% เพราะทำงานโดยการเร่งรอบคอมเพรสเซอร์ให้ถึงจุดที่ตั้งไว้และรักษาอุณหภูมินั้นไว้โดยที่คอมเพรสเซอร์ไม่ต้องตัดบ่อย ต่างจากแอร์แบบทั่วไปที่จะเร่งรอบเพื่อให้ถึงจุดความเย็น และเมื่อถึงจุดความเย็นแล้วคอมเพรสเซอร์ก็จะตัดและจะเริ่มทำงานใหม่อีกครั้ง ทำให้คอมเพรสเซอร์มีรอบการทำงานหนักและกินไฟ

· ทำความเย็นได้เร็ว เมื่อเปิดเพียงไม่นานก็รู้สึกเย็นแล้ว เพราะสามารถทำความเย็นได้เร็วกว่า ไม่ต้องเปิดทิ้งไว้เป็นชั่วโมง เปิดก่อนใช้งาน 5 – 10 นาทีก็เย็นได้ตามที่ต้องการ

· อุณหภูมิคงที่ เย็นสม่ำเสมอ เพราะแอร์อินเวอร์เตอร์ไม่ได้ตัดรอบบ่อยจึงช่วยให้เย็นได้อย่างสม่ำเสมอ อุณหภูมิภายในห้องคงที่ ช่วยให้นอนหลับสบาย ไม่ทำให้รู้สึกว่าเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อน

· ช่วยลดการทำงานของคอมเพรสเซอร์ เมื่อคอมเพรสเซอร์ทำงานน้อยลงก็ช่วยให้แอร์มีอายุการใช้งานที่นานขึ้นด้วย 

· ไม่ทำให้เกิดไฟกระชาก เพราะคอมเพรสเซอร์ไม่ต้องเริ่มทำงานใหม่บ่อย ๆ เพื่อทำความเย็นให้ได้รอบ จึงไม่ทำให้เกิดไฟกระชาก เพราะหากคอมเพรสเซอร์เริ่มทำงานใหม่บ่อย ๆ จะทำให้ไฟกระชากได้ง่าย ทำให้ไฟฟ้าลัดวงจร และทำให้ระบบการทำงานของแอร์เกิดปัญหาตามมาได้

· ทำงานเงียบไร้เสียงรบกวน เมื่อคอมเพรสเซอร์ไม่ต้องตัดรอบบ่อย ๆ แอร์อินเวอร์เตอร์จึงไม่มีเสียงดังรบกวน สามารถใช้งานได้แบบสบาย ๆ นอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่

สำหรับใครที่มีแพลนจะติดตั้งแอร์ อย่าลืมดูขนาดพื้นที่ห้องให้ดีก่อนว่าเหมาะสำหรับ แอร์18000BTU หรือไม่? เพราะหากห้องมีขนาดใหญ่เกินไปจะทำให้เย็นไม่ทั่วถึงและแอร์ต้องทำงานหนักขึ้น ทำให้กินไฟ แต่หากห้องมีขนาดเล็กจนเกินไปก็จะทำให้เปลืองค่าใช้จ่ายโดยใช่เหตุ และอย่าลืมเปิดแอร์ที่ 25 องศาเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ไม่ควรเปิด ๆ ปิด ๆ เพราะทุกครั้งที่แอร์เริ่มทำงานใหม่คอมเพรสเซอร์ก็จะเร่งรอบเพื่อทำความเย็นใหม่ด้วย ทำให้กินไฟมากกว่าเดิม

แอร์ 18000 BTU