เลือกแผงโซล่าเซลล์ให้ตอบโจทย์แผนประหยัดค่าไฟ เริ่มต้นอย่างไรดี
หลายคนน่าจะกำลังคิดที่จะซื้อ แผง โซล่าเซลล์ มาติดตั้งที่บ้าน หรือมาใช้เป็นแหล่งพลังงานให้กับการทำงานในแปลงเกษตรของตัวเองกันอยู่แน่ ๆ เพราะปัจจัยที่เป็นปัญหามากมายทำให้ต้นทุนด้านพลังงานที่จะนำมาผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าไฟก็สูงตามไปด้วย ในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจากปัญหาที่มีรอบด้านเช่นนี้ การที่จะต้องแบกรับค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้นนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ดี การนำเอาโซล่าเซลล์หรือพลังงานแสงอาทิตย์ที่สามารถหาได้จากธรรมชาติมาใช้งานจึงถือเป็นทางออกหนึ่งที่ช่วยได้ในภาวะแบบนี้ แต่พอจะเลือกซื้อโซล่าเซลล์มาใช้งานจริง ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นเลือกอย่างไร ครั้งนี้จึงมีคำแนะนำมาฝาก
รู้จักประเภทของแผง โซล่าเซลล์ ให้ดีก่อนเลือกซื้อ
สิ่งที่ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนเลยก็คือ แผงไฟโซล่าเซลล์ที่เราเห็นวางจำหน่ายกันอยู่ทั่วไปนั้น ปัจจุบันไม่ได้มีอยู่เพียงแค่รูปแบบเดียว แต่แบ่งเป็นรูปแบบใหญ่ ๆ ออกเป็น 2 ประเภทด้วยกันคือ
· Mono Crystalline: แผง Solar Cell ประเภทนี้ขนาดจะไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับการติดตั้งในพื้นที่ที่มีขนาดพื้นที่จำกัด หรือผู้ที่ต้องการประหยัดพื้นที่ใช้สอย
· Poly Crystalline: แผง Solar Cell ประเภทนี้ตัวขนาดของแผงจะมีขนาดใหญ่กว่าแบบแรก ถึงขนาดจะใหญ่กว่าแต่ในด้านราคากลับถูกกว่าแบบแรก เพราะเป็นขนาดมาตรฐานทั่วไป ฐานการผลิตที่เป็นโรงงานส่วนใหญ่ก็จะผลิตประเภทนี้ออกมามากกว่า ทำให้ต้นทุนการผลิตถูกลงนั่นเอง
ในส่วนของคุณภาพแล้ว แผง Solar Cell ทั้ง 2 ประเภทนี้ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก อาจจะมีความต่างกันบ้างในเรื่องของระบบการแปลงไฟฟ้า แต่ในภาพรวมแล้วผลลัพธ์ที่ได้เราจะไม่เห็นความต่างสักเท่าไหร่ ดังนั้น เมื่อเราจะเลือกซื้อประเด็นใหญ่จึงต้องโฟกัสไปที่ขนาดแผงที่ควรจะต้องสอดรับกับพื้นที่ที่จะติดตั้ง ถ้าพื้นที่มีเนื้อที่จำกัด ก็อาจจะเลือกเป็นแบบ Mono แต่โดยมากแล้วการติดตั้งแผง Solar Cell ในไทยเรา ก็มักจะมีการเตรียมพื้นที่ไว้สำหรับการติดตั้งระบบอยู่แล้ว จึงสามารถแบบ Poly ก็ได้เช่นกัน อันจะดีตรงที่ว่าช่วยประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการติดตั้งลงไปได้อีกนั่นเอง
เลือกแผงโซล่าเซลล์ควรเลือกขนาดกำลังไฟเผื่อไว้
อีกจุดหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยในการพิจารณาเลือกซื้อแผงไฟโซล่าเซลล์ก็คือ ควรเลือกซื้อแผงที่ให้ขนาดกำลังไฟสูงเผื่อไว้ก่อนจะดีกว่า โดยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญแล้วจะระบุไว้ว่า หากเราทราบหรือประเมินแล้วว่า อุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชนิดที่เราจะนำไปเชื่อมระบบกับ Solar Cell มีอะไรบ้าง และรวมทั้งหมดแล้วเราจะต้องใช้กำลังไฟจาก Solar Cell ประมาณเท่าไหร่ เวลาเลือกซื้อแผง Solar Cell จริง ๆ ให้เลือกกำลังไฟที่เกินกว่าที่เราประมาณการเอาไว้ 20% เป็นอย่างต่ำ การเลือกค่ากำลังไฟเกินไว้ก่อนนั้น มีประโยชน์แน่นอน เพราะเป็นการเผื่อเอาไว้สำหรับการชดเชยเวลากำลังไฟตกลงในบางช่วงเวลา อีกทั้งยังเป็นการช่วยถนอมแบตเตอรี่ของระบบด้วย กำลังไฟที่นิ่งจะลดความสูญเสียของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ลงได้นั่นเอง
อีกส่วนหนึ่งที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไปด้วยก็คือส่วนของ Inverter เพราะตอนที่เราประเมินกำลังวัตต์รวมของเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด เราจะทราบอยู่แล้วว่าเมื่อรวมทั้งหมดแล้วกำลังวัตต์จะมากน้อยขนาดไหน ก็อีกเช่นกัน การเลือก Inverter ที่จะนำมาใช้กับระบบ Solar Cell ก็ควรจะเลือกกำลังวัตต์เผื่อเกินไว้ประมาณ 30 – 40% วัตต์รวมของเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด เช่น TV หากใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 60W ให้เราเลือก Inverter ขนาด 100W อย่างนี้เป็นต้น การเลือกแผง Solar Cell และ Inverter เผื่อกำลังไว้เช่นนี้จะทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต่อพ่วงระบบไม่เกิดความเสียหายเวลาไฟฟ้าไม่เสถียรนั่นเอง
เหล่านี้เป็นแนวทางเริ่มต้นในการพิจารณาเลือกซื้อแผงโซล่าเซลล์มาติดตั้งที่บ้านหรือใช้ในพื้นที่แปลงเกษตรของตนเอง เป็นหลักเบื้องต้นคร่าว ๆ ในการพิจารณา นอกจากที่กล่าวมานี้แล้วการจะติดตั้งระบบ Solar Cell ให้มีการทำงานที่เสถียรมั่นคง ก็แนะนำว่าควรพิจารณาอุปกรณ์อื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วยอย่าง Solar Control Charger รวมไปถึงแบตเตอรี่ที่จะนำมาเก็บไฟฟ้าทั้งประเภทและขนาด สิ่งเหล่านี้ก็สำคัญเช่นกัน หากพิจารณาทั้งหมดนี้อย่างครอบคลุมแล้ว ก็จะทำให้คุณสามารถเลือกซื้อแผง Solar Cell มาติดตั้งใช้งานได้อย่างถูกต้อง คุ้มค่าคุ้มราคากับที่จ่ายออกไปแน่นอน
